พาราสาวะถี

โควิด-19 ถ้าไม่มีเชื้อกลายพันธุ์ตัวใหม่ ประเทศไทยมีเดิมพันอยู่ที่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะมีการเคลื่อนย้ายของคนจำนวนมาก


โควิด-19 ถ้าไม่มีเชื้อกลายพันธุ์ตัวใหม่ ประเทศไทยมีเดิมพันอยู่ที่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะมีการเคลื่อนย้ายของคนจำนวนมาก หากทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ที่กระทรวงสาธารณสุขป่าวประกาศแผน 4 ขั้นนำโควิดเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นก็คงไม่มีอะไรที่น่าหนักใจ อย่างที่รู้กันวันนี้ไม่เฉพาะการฉีดวัคซีน แต่จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้นถึงวันละ 2 หมื่นคน ก็เท่ากับว่าคนไทยจะมีภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งนั่นจะทำให้เป้าหมายของหมอการเมืองทั้งหลายที่วางไว้ไม่น่าจะไกลเกินเอื้อม

แม้โควิดกลายเป็นสิ่งที่คนลดความตื่นกลัวกันไปมากแล้ว ใช่ว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะเบาใจได้ เนื่องจากปัญหาอื่นโดยเฉพาะคุณภาพชีวิต ต้นทุนชีวิตของประชาชนที่สูงขึ้นคือโจทย์สำคัญที่จะเป็นบทพิสูจน์ความสามารถในการเป็นผู้บริหารประเทศ เมื่อพิจารณาจากแนวทางที่ท่านผู้นำประกาศมาล่าสุด ก็ยังคงเป็นการแก้แบบขายผ้าเอาหน้ารอด มองไม่เห็นความมั่นคงหรือยั่งยืนสำหรับคนส่วนใหญ่ ไม่ต้องอ้างว่ารัฐบาลเจอกับวิกฤติซ้อนวิกฤต

ต่อให้ไม่มีปัญหาโควิด-19 หรือสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็เชื่อว่าวิธีการแก้ไขปัญหาในรูปแบบของเทคโนแครตผนวกเข้ากับพวกอำนาจนิยม ยังคงจะเป็นไปในลักษณะนี้ ที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอ้างว่า “การที่จะยกคนขึ้นมามีฐานะดีอันนั้นเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง” เป็นเหมือนการรับสารภาพต่อการหมดปัญญาในการที่จะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ไม่ใช่เพราะปัญหาสารพัดที่ประดังประเดเข้ามา หากแต่อยู่ที่ว่าความเหลื่อมล้ำในประเทศเวลานี้มันถ่างออกมากยิ่งขึ้น

ปัจจัยสำคัญมันก็มาจากนโยบายและการทำงานตลอดระยะเวลาเกือบ 8 ปีของตัวผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและคณะเอง หากไม่โกหกตัวเองหรือคิดว่าประชาชนส่วนใหญ่กินหญ้า ก็ย่อมสัมผัสได้ว่านับตั้งแต่คณะเผด็จการเข้ามามีอำนาจนั้น มีใครบ้างที่ได้รับผลประโยชน์ ร่ำรวยกันมหาศาล ขณะที่ประชาชนผู้หาเช้ากินค่ำ นอกเหนือจากเศษทานที่แจกกันผ่านสารพัดโครงการแล้ว หาได้มีแนวทางหรือการที่จะทำให้คุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจในระดับฐานรากดีขึ้นแต่ประการใด

ด้วยความที่ใช้องคาพยพของขบวนการสืบทอดอำนาจ ค้ำยันเสถียรภาพให้กับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกันนี่เอง จึงทำให้ทันทีทันใดที่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ปรากฏตัวขึ้นปราศรัยครั้งแรกที่อุดรธานี จึงเกิดแรงกระเพื่อม ทำให้บรรดาพวกหลับหูหลับตาเชียร์ต่างพากันออกมาโจมตีทันทีทันใด แน่นอนว่าหนีไม่พ้นการพาดพิงไปถึง ทักษิณ ชินวัตร ด้วยข้อกล่าวหาเดิม ๆ กลัวแม้กระทั่งเด็กเมื่อวานซืน

อาการขาสั่นในลักษณะเช่นนี้ เชื่อได้เลยว่าเมื่อเข้าสู่โหมดการแข่งขันทางการเมืองอย่างเต็มที่ จะมีสารพัดความสามานย์สาดโคลนเข้าใส่อุ๊งอิ๊ง แต่นั่นก็ยิ่งจะทำให้คนที่ยังลังเลหรือไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น อย่าลืมเป็นอันขาด คนไทยส่วนใหญ่ขี้สงสาร ประกอบความเบื่อหน่ายทางการเมืองที่มีมาตลอดระยะเวลาเกือบ 8 ปี ไม่ว่าบทสรุปของการเลือกตั้งจะออกมาในรูปแบบใด สิ่งที่บอกว่าแลนด์สไลด์อาจได้เห็นกันจริง ๆ

มีความเห็นที่ดุเดือดจาก ไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษาพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ต่อกรณีนี้ที่ว่า พวกที่มีสันดานหมาป่า ผวาตกใจคิดอะไรไม่ออกก็รีบมาตีกันว่า อุ๊งอิ๊งไม่โกงพ่ออุ๊งอิ๊งก็เคยโกง พวกนี้ทำตัวเป็นคนตาบอด เพราะปรากฏการณ์ “โกงทั้งแผ่นดินกินทุกโครงการ ล้างผลาญชาติจนวายวอด” ทำเป็นมองไม่เห็น เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แค่เปิดตัวปราศรัย ใจแคบรีบออกมาตีกัน ยิ่งทำแบบนี้บอกได้คำเดียวครับ ฉิบหายแน่นอน!!!! ประสาคนเคยคบค้าย่อมมองเห็นไส้ในของแก๊งสืบทอดอำนาจ

ขณะเดียวกัน หากมองให้เป็นธรรมในมุมที่ว่าการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ใครก็ตามมีสิทธิที่จะเสนอตัวเป็นทางเลือกให้ประชาชน เพราะการเลือกตั้งไม่มีใครที่จะไปชี้นิ้วบงการให้ประชาชนเลือกตามใจที่ตัวเองต้องการได้ ดังนั้น การที่ลูกสาวอดีตนายกฯ จะก้าวเข้าสู่ถนนสายการเมืองเพราะมองเห็นความไม่เป็นธรรมทางสังคม เห็นความเดือดร้อนของประชาชน โดยที่เชื่อมั่นว่าตัวเองและพรรคที่สังกัดจะสามารถเข้ามาแก้ไขให้ได้ ย่อมเป็นความชอบธรรมที่จะขอเข้ามาตรงนี้ ทั้งที่รู้ว่าจะต้องเผชิญกับอะไร

ความเห็นของ สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต.ก็ถือว่ามองอย่างเป็นกลาง การที่หลายคนดาหน้าออกมาวิจารณ์ผู้หญิงคนหนึ่งที่อาสาออกมาทำงานการเมือง แบบกลัวว่าเธอจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วทำความเสียหายแก่บ้านเมือง คงไม่เป็นธรรมนัก เพราะความเป็นจริง หากพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อเธอเป็นหนึ่งในสามรายชื่อที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เป็นเรื่องที่พรรคต้องประเมินเองว่า เป็นบวกหรือเป็นลบ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน

การเป็นตระกูลการเมือง ไม่ใช่เรื่องที่ต้องรีบตัดสินถึงพฤติกรรมทางการเมืองในอนาคต ไม่เช่นนั้นเราคงตัดสินว่า ตระกูลศิลปอาชา อัศวเหม คุณปลื้ม จึงรุ่งเรืองกิจ หรือแม้แต่ จันทร์โอชา ล้วนเป็นปัญหาทั้งหมด การเข้าสู่การเมืองด้วยการเลือกตั้งไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ เพราะท้ายสุดประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินให้เขาไปต่อหรือไม่ การใช้อำนาจที่ได้มาจากการรัฐประหารเขียนกติกาเพื่อความได้เปรียบ กวาดต้อนนักการเมืองมาเป็นพวก ด้วยอำนาจและด้วยเงิน เพื่อหวังอยู่ในอำนาจต่อต่างหากถึงเรียกว่าสืบทอดอำนาจ

อย่ากลัวผู้หญิงคนหนึ่งมากจนเกินเหตุ จงโบกมือต้อนรับทักทายเธอ และให้กำลังใจในเส้นทางที่ยากลำบาก ส่งความหวังและความปรารถนาดีถึงเธอ ว่าหากเธอประสบความสำเร็จเธอจะนำประเทศสู่ความเจริญก้าวหน้า หากคุณเป็นนักการเมืองที่ต้องแข่งขันก็ต้องถือว่า คุณได้คู่แข่งที่จะทำให้คุณต้องพัฒนาเพื่อเอาชนะในสนามเลือกตั้ง อย่าวิตกจริตจนเสียอาการ ความจริงถ้าจับอาการจากคำตอบของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. กับ อนุทิน ชาญวีรกูล เรื่องการร่วมมือตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทยที่ว่า เป็นเรื่องหลังเลือกตั้ง ก็น่าจะเป็นสัญญาณบอกได้ดีว่า การเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่มีคำว่ามิตรแท้และศัตรูถาวรทางการเมือง

Back to top button