หุ้นที่น่าเบื่อ!

การแกว่งตัวไปมาของดัชนีวานนี้ทำให้รู้ซึ้งถึงสัจธรรมที่เรียกว่า “ตาดูดาว หุ้นติดดิน” มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นถี่มากในช่วงนี้


*การแกว่งตัวไปมาของดัชนีวานนี้ทำให้รู้ซึ้งถึงสัจธรรมที่เรียกว่า “ตาดูดาว หุ้นติดดิน” มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นถี่มากในช่วงนี้ โดยเฉพาะอาการที่พยายามเทคออฟขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,700 จุด แต่สุดท้ายก็เกิดอาการแผ่วปลายเป็นประจำ เท่ากับเป็นการย้ำหัวหมุดสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศยังไม่กระเตื้องอย่างที่ควรจะเป็น จึงต้องเคาะสั้น ๆ และทำชิ่งกันไปพลาง ๆ เพื่อรอให้ทุกอย่างดีขึ้นอีกสักหน่อยไงล่ะคะ

*สถานการณ์ตรงนี้เหมือนเป็นการวัดความอึดของแมงเม่าอย่างแท้ทรู หลังกองทุนในประเทศไม่ยอมทำหน้าที่ขาลุย ทั้งที่บรรดาผู้จัดการกองทุนยังมองหุ้นไทยน่าลงทุน จึงกลายเป็นความย้อนแย้งของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเพลานี้ “โมนิก้า” จึงต้องกลับมาทบทวนการเคลื่อนตัวของตลาดหุ้นไทยอีกสักหน่อย เพราะสิ่งที่เห็น ณ เวลานี้คือ ตลาดหุ้นไทยกำลังเข้าสู่รอบใหญ่ของการทดสอบแนวต้านจิตวิทยาเป็นครั้งที่ 2 เจ้าค่ะ

*นั่นหมายความว่า ดัชนีมีโอกาสที่จะไม่ผ่านค่อนข้างสูง ผนวกกับตำราเทคนิคเขียนไว้ตรงกันว่า การเทคตัวทดสอบเป็นครั้งที่ 3 น่าจะเป็นอะไรที่สวยงามสุด ๆ เพราะจะเต็มไปด้วยแรงซื้อที่หนาแน่น และตลาดหุ้นก็อยู่ในช่วงเด้งรับข่าวดีที่ออกมาแบบรัว ๆ “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 1,677.95 จุด บวกไป 0.08 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7 หมื่นล้านบาท ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวแต่อย่างใด เพราะมันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมากกว่านะซี..อิอิอิ

*เม้าท์ถึงเรื่องน่าเบื่อขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้นแบงก์ลูกผสมอย่าง TTB ก่อนใครเป็นลำดับแรก เพราะราคาเอาแต่แกว่งตัวลงลูกเดียวร่วมเดือน แม้บางครั้งจะมีจังหวะที่เด้งขึ้นบ้าง แต่ภาพใหญ่ก็ยังดูไม่ดีเช่นเคย เดี๊ยนจึงอยากถามนักเล่นว่า การยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 1.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 372 ล้านบาท มันใช่จุดวัดดวงสำหรับขาลุยหรือเปล่า? หลังหุ้นขึ้น ๆ ลง ๆ ในกรอบ 1.25-1.35 บาทร่วมสองอาทิตย์นะจ๊ะ

*เช่นเดียวกับหุ้นน้องใหม่อย่าง BBGI ก็กลายเป็นหุ้นที่ขึ้นมาติดชาร์ตความน่าเบื่อด้วยเช่นกัน และปัจจัยที่ทำให้หุ้นแซงโค้งขึ้นมาติดโผอย่างรวดเร็ว คงหนีไม่พ้นเรื่องกรีนชูอีกกระมัง! (เรื่องนี้ถูกหยิบขึ้นมาเม้าท์เป็นประจำ) “โมนิก้า” เลยบอกได้แค่เพียงว่า เบื่อก็ต้องทน! เพราะโบรกเกอร์ให้ราคาเป้าสูงถึงระดับ 15 บาท ขณะที่หุ้นหลุดจอง 10.50 บาท ด้วยการยืนปิดที่ระดับ 10.30 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 0.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 455 ล้านบาท ก็เลยเซ็งเป็ดไปตาม ๆ กันจ้า!

*อีกรายที่หมดโปรโมชั่นแฮปปี้ และเข้าสู่วังวนความกลัว “โมนิก้า” คงต้องหันไปมองที่หุ้นกระดาษลัง SCGP ในทันที โดยเฉพาะประเด็นต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นต่อเนื่อง กลายเป็นประเด็นตามหลอนไม่เลิกสักที ส่งผลให้ราคาหุ้นโงหัวไม่ขึ้นไปโดยปริยาย และทำให้เกมนี้ต้องไปดูที่งบไตรมาส 1 กับไตรมาส 2 ลดฮวบไหม? ซึ่งจะเป็นไกด์ไลน์ที่บอกให้รู้ว่า การยืนปิดที่ระดับ 57 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 347 ล้านบาท น่าช้อนหรือยังเจ้าค่ะ

*นอกจากนี้ยังมีหุ้นเครื่องดื่มชูกำลังอย่าง OSP เข้ามาติดโผหุ้นอืดเป็นเรือเกลือด้วยเช่นกัน เพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี ราคาหุ้นก็แกว่งตัวไปมาในกรอบ 32-38 บาทเป็นประจำ (ส่วนใหญ่วนเวียนแถวกรอบล่าง) ผนวกกับผลงานในแต่ละปีก็อยู่ในระดับเสมอตัว จึงกลายเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นราคาหุ้นโบยบินในระดับเพดานที่สูงขึ้น จึงต้องเข้าใจเมื่อเห็นหุ้นยืนซึมอยู่ที่ 36.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 426 ล้านบาทไงล่ะคะ

*ส่วนรายที่จบรอบ และกำลังหาฐาน “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นแม่บ้าน WICE หลังโรยตัวลงมาเรื่อย ๆ พร้อมกับแกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ มาพักใหญ่แบบนี้ เหมือนเป็นการบอกใบ้ขาประจำให้รู้ว่า น่าจะไปรอรับแถว 18 บาท หรืออาจถอยลงไปแถว 17 บาทก็ได้ทั้งนั้น เพราะเมื่อดูแผนปั้นกำไรโตทุกไตรมาส ก็ทำให้ราคาปิดที่ระดับ 18 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 3.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 141 ล้านบาท น่าสนใจขึ้นมาทันที..แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่งคือ นักเล่นอึดได้นานแค่ไหนจ้า!

*สำหรับคนที่ชอบความท้าท้าย และชอบวัดฝีมือกับหุ้นที่มีเจ้ามือ คงต้องเหลียวมองไปที่ DITTO อย่างรวดเร็ว เพราะระยะเวลาแค่ 15 วันราคาหุ้นทะยานขึ้นมาเกือบ 100% (ก่อนหน้านี้ยืนที่ 30 บาท) จนเดี๊ยนต้องร้องอุทานเสียงหลงว่า อิหยังว่ะ! ยิ่งวานนี้เห็นหุ้นพุ่งขึ้นไปทำไฮที่ระดับ 59.25 บาท ต่อจากนั้นย่อตัวลงเล็กน้อยมาปิดที่ 58 บาท บวกไป 11 บาท หรือขึ้นไป 23.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 900 ล้านบาท ยิ่งกระตุ้นให้น้องโมอยากเผือกมากขึ้นกว่าเดิม เพราะต้องการรู้เกมหุ้นจะจบตรงไหนน่ะซี

Back to top button