พาราสาวะถี

หากเชื่อในทฤษฎีอย่างหนาหน้าทนของขบวนการสืบทอดอำนาจ ก็ต้องยอมรับสภาพของบ้านเมืองที่ไม่ว่าจะเจอกับสถานการณ์แบบไหน คนไทยต้องอยู่ให้ได้และทนกันไปแบบนี้


หากเชื่อในทฤษฎีอย่างหนาหน้าทนของขบวนการสืบทอดอำนาจ ก็ต้องยอมรับสภาพของบ้านเมืองที่ไม่ว่าจะเจอกับสถานการณ์แบบไหน คนไทยต้องอยู่ให้ได้และทนกันไปแบบนี้ เมื่อบ้านเมืองนี้มีผู้นำที่มีสติปัญญาเท่านี้ ส่วนผู้ที่มาร่วมบริหารบ้านเมืองก็หลับหูหลับตาแก้ตัวแก้ต่างกันไปเป็นวัน ๆ ความมั่นคงที่อยู่ได้อาศัยองคาพยพที่อำนาจเผด็จการเซ็นตั้งมากับมือ บวกกับการตีมึนชี้แจงแต่ละปัญหาที่เกิดขึ้นโดยไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบใด ๆ

ล่าสุดกับปัญหาไข่ไก่ราคาแพง เพิ่งชี้แจงกันไปก่อนหน้าอ้างว่าราคาอาหารสัตว์ปรับตัวสูงขึ้นด้วยเหตุและปัจจัยสารพัด ทั้งที่คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อถือเท่าไหร่ ที่หนักไปกว่านั้น สด ๆ ร้อน ๆ น่าสังเวชใจคำอธิบายจากคนระดับอธิบดีบอกสาเหตุที่ทำให้ไข่ไก่แพงในช่วงนี้ เพราะอากาศร้อนจัดทำให้ไข่เบอร์ใหญ่ขนาดเล็กลง แล้วยังไงมันคือปัจจัยสำคัญที่จะต้องทำให้ขึ้นราคากันอย่างนั้นหรือ นี่ไงวิธีการแบบรัฐราชการรวมศูนย์ติดเชื้อจากพวกเผด็จการ ถ้าไม่อย่างหนาจริงคงไม่ก้มหน้าก้มตาบอกชาวบ้านแบบขอผ่านไปที

อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับไปในอดีตก็คงไม่แปลกใจกับการที่คนของพรรคการเมืองนี้มาคุมงานกระทรวงด้านการค้าการลงทุน แล้วผลลัพธ์ที่ตามมามันจะเป็นไปในลักษณะนี้ มิเช่นนั้นคงไม่มีข้อเสนอว่าด้วย “ไข่ชั่งกิโล” เหมือนกับกรณีการเผชิญกับวิกฤตด้านราคาพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมัน สิ่งที่หลุดมาจากปากของแต่ละคนที่เกี่ยวข้อง มองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากคำว่าหมดปัญญา ถึงขนาดบอกให้ประชาชนท่องคาถาตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

เสถียรภาพที่มีอยู่เวลานี้ว่ากันว่ากลไกที่วางไว้เพื่อการสืบทอดอำนาจนั้น ค้ำยันกันจะไม่ไหวอยู่แล้ว เพราะที่ร้องขอไว้คือช่วยกันไปก่อนรอวันให้ผลงานปรากฏเป็นที่ยอมรับของประชาชน เสียงวิจารณ์ ความเบื่อหน่ายต่าง ๆ ก็จะมลายหายไป แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น ยิ่งนานวันกลับเป็นไปในทิศทางตรงข้าม ดังนั้นจึงต้องหันไปใช้กล้วยกันอย่างหนัก ไม่เฉพาะแต่ในซีกเดียวกัน บรรดานักเลือกตั้งฝ่ายตรงข้ามก็ได้อิ่มหนำสำราญกันไปด้วย

เป็นสัจธรรมของนักเลือกตั้ง เมื่อยังไม่ถึงเวลาหย่อนบัตรและยังไม่รู้ว่าจะได้เลือกตั้งกันใหม่เมื่อใด การได้รับข้อเสนอหรือความจริงก็คือ มีการเจรจาพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ในแต่ละวาระที่จำเป็นจะต้องใช้เสียงของส.ส.เพื่อผ่านสิ่งที่ฝ่ายกุมอำนาจต้องการ ไม่มีอะไรได้มาแบบฟรี ๆ ยิ่งเป็นเรื่องสำคัญการคิดต้นทุนก็จะสูงตามความจำเป็นไปด้วย จึงเป็นอีกหนึ่งความเชื่อมั่นที่พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ประกาศว่าไม่หวั่นว่ารัฐบาลจะมีปัญหาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจและการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2566

ไม่ใช่การปรามาสฝ่ายค้าน แต่เกือบ 3 ปีที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่าการซักฟอกนั้นมีการตีปี๊บกันครึกโครม ท้ายที่สุดก็ไม่มีข้อมูลใหม่ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหรือสร้างแรงกระเพื่อมใด ๆ ให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้ มิหนำซ้ำ แต่ละครั้งยังกลายเป็นเวทีโชว์ผลงานของฝ่ายกุมอำนาจ และใช้เป็นจังหวะตีกินเอาคืนฝ่ายอภิปรายอีกต่างหาก ประกอบกับเสียงที่กระจัดกระจายเมื่อมีกล้วยหรือการลากกระเป๋าเข้าสภา ทุกอย่างมันก็ราบรื่น เรียบร้อยอย่างที่รู้กัน

ไม่ต้องพูดถึงการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ยิ่งงบประมาณรอบนี้ที่น่าจะเป็นงบก้อนสุดท้ายก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง เมื่อสามารถแบ่งปันผลประโยชน์กันลงตัว แทบจะไม่ต้องมีความกังวลใด ๆ ว่าจะทำให้เกิดการสะดุดในสภาจนสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาลได้ แน่นอนว่าไม่เฉพาะแค่การเจรจากับพวกเดียวกันเท่านั้น คนที่มีอำนาจต้องใจกว้างกล้าได้กล้าเสีย เผื่อแผ่ไปถึงฝ่ายตรงข้ามด้วย ของพรรค์นี้คนคอเดียวกันมองตาก็รู้ใจว่าใครต้องการแบบไหน

เหมือนอย่างที่ ทักษิณ ชินวัตร พูดถึงการฉีดวัคซีน 30 ล้าน ดูแลกันเป็นรายเดือนนั่นแหละ คนที่ไม่ได้ผ่านสมรภูมิของการลงทุนทางการเมืองมาย่อมไม่เข้าใจ ความจริงไม่ใช่เฉพาะนักเลือกตั้งเท่านั้น หากแต่บรรดาเหล่าคนดีทั้งหลายที่เป็นพวกนักเคลื่อนไหว อ้างหลักการอะไรต่อมิอะไร คนเหล่านี้แหละตัวดี ส่วนใหญ่จะเป็นพวกถือถุงกระดาษพองโต หรือไม่ก็กล่องสุราหรือกล่องอะไรก็แล้วแต่ ที่ภายในไม่ได้เป็นสิ่งของตรงตามปก หากแต่คือกระสุนเป็นฟ่อน ๆ

ส่วนหนทางที่จะไปสู่ถนนสายเลือกตั้งภายใต้กติกาของรัฐธรรมนูญที่มีการแก้ไขนั้น สองเรื่องสำคัญที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับกำลังพิจารณาคือ บัตรเลือกตั้งพรรคเดียวเบอร์เดียวหรือต่างเบอร์ กับสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อที่จะหารกันด้วย 100 หรือ 500 โดยสองกรณีนี้อย่างหลังสำคัญที่สุด ทั้งที่หากยึดตามร่างกฎหมายที่เสนอกันมานั้นทั้งหมดใช้สูตรหาร 100 ทั้งนั้น แต่เมื่อมาพิจารณากันแล้วเกรงว่าจะไปทำให้บางพรรคได้คะแนนเป็นกอบเป็นกำจึงต้องหาทางพลิกแพลงกันใหม่

ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร สิ่งที่ประชาชนอยากเห็นคือกำหนดมันให้ชัดเจนในข้อกฎหมายไปเลยว่า หลังเลือกตั้งจำนวนส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แต่ละพรรคควรได้มีสูตรการคำนวณเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ปล่อยให้ไปใช้การตีความเอาหลังจากที่ประชาชนได้ลงคะแนนกันไปแล้ว มันเสียความรู้สึก เหนือสิ่งอื่นใดคือ มันทำให้เห็นความปลิ้นปล้อนของพวกเนติบริกรที่วางกลไกเอาไว้ แล้วมีพวกทาสรับใช้มารับงานวินิจฉัยให้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของขบวนการสืบทอดอำนาจ ที่ต้องบอกกันตรง ๆ ว่า ทุเรศสิ้นดี

ยืนยันได้เป็นอย่างดีอะไรที่ทำให้เสียรังวัดหรือเกิดภาวะน้ำท่วมปาก ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะเล่นบทโมโหหรือใช้ลีลาลวดลายในการไม่ตอบคำถามนักข่าวทันที เหมือนอย่างวานนี้ที่เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันควันหลังจากถูกนักข่าวถามงบประมาณสนามบินเบตงที่มีปัญหา และการลงนามด้านความร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และรัสเซีย จีน อิหร่าน รู้ทั้งรู้ว่านี่มันผลงานชิ้นโบว์ดำก็ยังจะถามกันอยู่ได้ ปัดโธ่!

Back to top button