BBIK ดีดบวก 5% ลุ้นกำไร-รายได้โต 50% ปักธงปิดจ๊อบ JV-M&A ปีละ 1 ดีล

BBIK ดีด 5% วางเป้าปีนี้รายได้และกำไรเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 50% รับตลาดดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในไทย-เอเชียตะวันออกเฉียงใต้โตสูง เพิ่มผลิตภัณฑ์-บริการ ขยายไปยังธุรกิจต่างประเทศ ปักธงปิดดีล JV หรือ M&A ปีละ 1 ดีล


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ณ เวลา 10:28 น. อยู่ที่ระดับ 68.50 บาท บวก 3.50 บาท หรือ 5.38% สูงสุดที่ระดับ 68.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 65.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 81.98 ล้านบาท

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BBIK ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ข่าวหุ้น” ออกอากาศทางช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 ว่า แผนการดำเนินงานปี 2565 บริษัทวางเป้าหมายรายได้และกำไรสุทธิเติบโตในระดับ 50% จากปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 303.7 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 66.5 ล้านบาท เนื่องจากตลาดดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ค่อนข้างเติบโตอยู่ในระดับสูง จากที่ทุกคนปรับเปลี่ยนธุรกิจเข้าสู่ดิจิทัลมากขึ้น

ประกอบกับ ในปี 2565 บริษัทได้มีการเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการ หลังจากบริษัทได้เข้าซื้อบริษัท จีเอ็มวีพาย จำกัด (GMVPI) ซึ่งเป็นบริการเกี่ยวกับการปรับปรุงและเพิ่มศักยภาพให้กับระบบงาน ERP ซึ่งเป็นระบบงานที่ใช้บริการจัดการงานหลังบ้านของบริษัทต่าง ๆ ส่วนผลิตภัณฑ์ที่มากับบริษัทนี้ด้วย เป็นผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมต่อระหว่างระบบ SAP เข้ากับ LINE ทำให้องค์กรขนาดใหญ่ที่มีระบบ SAP สามารถใช้งานได้คล่องตัวมากขึ้น

ขณะเดียวกัน บริษัทมีการขยายไปยังธุรกิจต่างประเทศ หลังจากปี 2564 บริษัทมีรายได้ 14% มาจากต่างประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ดังนั้นบริษัทได้จัดตั้งบริษัท บลูบิค โกลบอล จำกัด ขึ้นมาเพื่อดูแลตลาดต่างประเทศ รวมไปถึงการเปิด Bluebik Technology Center ในประเทศอินเดีย ทำให้บริษัทมีโอกาสขยายตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดีขึ้น รวมทั้งการหาทรัพยากรบุคคลจากอินเดียเข้ามาเสริมทีมมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทได้มีการลดค่าใช้จ่าย โดยได้มีการยื่นขอสิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านภาษีของบริษัท มีโอกาสรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับ 22%

โดยกลุ่มลูกค้าในต่างประเทศเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่และธนาคาร เป็นกลุ่มที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ ขณะที่ในประเทศ ในปีนี้จะมีลูกค้าในกลุ่มค้าปลีก และกลุ่มการผลิตเพิ่มขึ้น จากการที่บริษัทมีศักยภาพเพิ่มขึ้น หลังจากได้มีการจัดตั้งบริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด (ORBIT) บริษัทร่วมทุนระหว่าง BBIK กับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR โดยบริษัทถือหุ้น 60% ซึ่งในปีนี้บริษัทยังมีส่วนแบ่งกำไรจาก ORBIT เข้ามาเต็มปี โดยคาดว่าปี 2565 ORBIT จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท และในปีถัด ๆ จะมีอัตราการเติบโตของรายได้ 30-40%

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างร่วมพัฒนาโครงการแรก คือ All In One App โดยทาง OR มี Ecosystem และมีบริการหลากหลาย จะต้องทำให้ทุกอย่างมาอยู่ใน All In One App เพื่อทำให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของทุกคน และใช้ผลิตภัณฑ์และบริการผ่านช่องทางเดียวได้ครบถ้วน รวมทั้งการพัฒนาประสบการณ์ลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งมีโอกาสต่อยอดกับพันธมิตรอื่น ๆ ที่อยู่นอกเครือ OR

นอกเหนือจาก OR บริษัททำงานกับลูกค้ารายใหญ่ ๆ พยายามที่จะหาโอกาสร่วมมือกันในการสร้างธุรกิจใหม่อยู่ตลอดเวลา แต่ใน 1 ปี ไม่สามารถทำการร่วมทุนในลักษณะนี้ได้เยอะ ๆ เพราะต้องนำองค์ความรู้และพนักงานเข้าไปอยู่ในบริษัทร่วมทุนด้วย ดังนั้นสิ่งที่พยายามจะทำคือ หาพันธมิตรที่ใช่จริง ๆ วางเป้าทุกปีมี 1 ดีล ไม่ว่าจะเป็น JV หรือ M&A” นายพชร กล่าว

Back to top button