โบรกเชียร์ “ซื้อ” ECL เป้า 4.20 บ. รับแผนขยายพอร์ตสินเชื่อปีนี้ 1 หมื่นลบ.
2 โบรกออกโรงเชียร์ซื้อ ECL ราคาเป้าหมาย 4.20 บ. รับอานิสงส์มาตรการคุมโรคระบาดโควิด-19 ในประเทศเริ่มผ่อนคลาย หนุนส่วนต่างดอกเบี้ยรับให้ดีขึ้น พร้อมเดินหน้ารุก EV Car หลังกระแสน้ำมันแพง ลุ้นพอร์ตสินเชื่อปี 65 แตะ 1 หมื่นลบ.
บล.บัวหลวง ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ECL ระบุว่า ECL ตั้งเป้าหมายขยายพอร์ตสินเชื่อใหม่ (Base case) ที่ 30% เป็นอย่างน้อยและมีแนวโน้มจะกลับมาเน้นการเติบโตด้วยการขยายฐานสินเชื่อให้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากประเมินว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นหลังมาตรการคุมโรคระบาดโควิดในประเทศเริ่มผ่อนคลาย
อีกทั้ง ECL เริ่มดำเนินธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่ให้อัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 17-18% เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่คิดกันในตลาดเฉลี่ย 20-25% สะท้อนถึงศักยภาพขยายส่วนต่างดอกเบี้ยรับให้ดีขึ้นอีกในอนาคตและสร้างความได้เปรียบในการทำตลาด
โดยคาดรายได้ใหม่นี้จะเริ่มรับรู้ทันที เนื่องจากมีฐานลูกค้าเดิมอยู่แล้ว 2-3 หมื่นรายและขยายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งเป็น Platform ที่ PFS พันธมิตรจากญี่ปุ่นมีความถนัด อีกทั้งในด้านเงินทุนค่อนข้างแกร่งจากพันธมิตรญี่ปุ่นที่มีการสนับสนุนและทำให้อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่ำที่ราว 4% และพร้อมเพิ่มวงเงินได้ตลอดตามแผนเชิงรุกมากขึ้น
นอกจากนี้ในปี 2565 คาดผลขาดทุนจากการขายรถยนต์มือสองจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากปัจจัยดังนี้ 1.ปริมาณรถยึดน้อยลง และ 2.ราคารถมือสองกลับมาเป็นปกติแล้ว
ขณะที่กระแสราคาน้ำมันพุ่งสูงและผู้คนเริ่มตระหนักถึงความเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่ผันผวน หันไปมอง EV Car มากขึ้น โดย ECL มั่นใจว่าการมาของยานยนต์ไฟฟ้า เป็นโอกาสมากกว่าอุปสรรค เพราะ 1.EV Car เป็นธุรกิจใหม่ ที่ปกติกลุ่มธนาคารจะยังไม่ลงมาแข่งขันมากนัก จึงเป็นโอกาสของ non-bank ทั้งระบบและ 2. ECL เริ่มแบบธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) จากกลุ่มรถเชิงพาณิชย์ เช่น รถเมล์ไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า ที่มี อุปสงค์การใช้งานจริงและมีพันธมิตรที่ลงนามร่วมมือกันอยู่แล้ว จึงแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐานไว้ที่ 4.20 บาทต่อหุ้น
ด้าน บล.กรุงศรี ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้น ECL เช่นกัน โดยระบุว่า ECL ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อรถยนต์มือสองและสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการรถยนต์ (Car Loan) ในปี 2563 บริษัทได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ NPL เพิ่มสูงขึ้นถึง 8.20% จากปกติ 4% จึงชะลอการปล่อยสินเชื่อและปรับปรุงระบบการคัดกรองสินเชื่อใหม่ ทำให้สินเชื่อมีคุณภาพมากขึ้น การตั้งสำรองมีแนวโน้มลดลง
ส่วนการกลับมารุกปล่อยสินเชื่ออีกครั้งในปี 2565 โดยตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อในปีนี้ไว้ราว 2 พันล้านบาท จาก 1.5 พันล้านบาท ในปี 2564 โดยมีทั้งการปล่อยกู้ธุรกิจรถมือสองเดิม ธุรกิจใหม่ Car for cash และธุรกิจปล่อยกู้รถ EV เชิงพาณิชย์ โดยมีการจับมือกับกลุ่มสกุลฎ์ซี ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถมินิบัส EV โดยสาร (ซึ่งภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนให้ใช้แทนรถตู้โดยสาร) และรถ Foton ของเครือ CP
โดยธุรกิจใหม่จะให้ Effective interest rate สูงประมาณ 20-25% สูงกว่าพอร์ตสินเชื่อรถมือสองเดิมที่10-11% ทำให้ NIM โดยภาพรวมปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ยังมี Upside risk จากการจับมือกับพันธมิตรในการปล่อยกู้ในลักษณะนี้อีก 1-2 ราย ดังนั้นจึงแนะนำซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 4.10 บาทต่อหุ้น และประเมินกำไรระหว่างปี 2565-2566 จะเติบโตเฉลี่ย 21% ต่อปี
อนึ่งก่อนหน้านั้น นายดนุชา วีระพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร ECL เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อในปี 2565 อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท หรือเติบโต 30% จากปีก่อนที่ทำได้ 6,000 บาท นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น ดังนั้นจึงมั่นใจว่ายอดปล่อยสินเชื่อในปีนี้จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีก่อนอย่างแน่นอน