ดอลล์อ่อนค่าหลังกระแสคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยแผ่วลง

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเมื่อวานนี้ ซึ่งส่งผลให้กระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เริ่มแผ่วลง


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 120.71 เยน ระดับของวันพฤหัสบดีที่ 121.11 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9881 ฟรังค์ จากระดับ 0.9897 ฟรังค์

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.1005 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.0980 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.5435 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5315 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7134 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7077 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเนื่องจากกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเริ่มแผ่วลง หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาเมื่อวานนี้ โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. เทียบกับที่เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. และเทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%

ด้านผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐขั้นสุดท้ายประจำเดือนต.ค. อยู่ที่ระดับ 90 ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 92.1 เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลต่อความผันผวนในตลาดการเงิน

นอกจากนี้ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนแรงลงหลังจากนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซาน ฟรานซิสโก กล่าวว่า เฟดยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด ถึงแม้แถลงการณ์ของเฟดบ่งชี้ว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. เขายังกล่าวว่า การที่เฟดส่งสัญญาณในแถลงการณ์ว่าอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนธ.ค.นั้น ก็เพื่อไม่ต้องการทำให้นักลงทุนเกิดความตื่นตระหนก หากเฟดมีการดำเนินการดังกล่าวจริง

นายวิลเลียมส์ระบุว่า เขาต้องการพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจมากขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าก่อนที่จะตัดสินใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดหรือไม่

Back to top button