โบรกชี้ AEONTS ปี 65 กำไรดี! ยอดใช้บัตรเครดิต-สินเชื่อบุคคลพุ่ง เคาะเป้า 250 บ.
โบรกชี้ AEONTS ปี 65 กำไรดี! ยอดใช้บัตรเครดิตเพิ่ม-สินเชื่อบุคคลพุ่ง พร้อมรายได้ที่สูงขึ้นจากหนี้สูญได้รับคืนและต้นทุนเครดิตที่ลดลง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 250 บ.
บริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (1 เม.ย.2565) ประเมินถึงกรณีของ บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS โดยคาดว่า กำไรไตรมาส 4 ปี 2564 (สิ้นสุดเดือนก.พ.2565) อยู่ที่ 964 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาสก่อนหน้า ด้วยต้นทุน เครดิตที่ลดลง แต่ลดลง 19% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เกิดจากผลกระทบจากฐานที่ต่ำจากการตั้งสำรองในไตรมาส 4/2563)
ส่วนด้านสินเชื่อมีแนวโน้มเติบโต 4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และ 1.5% จากไตรมาสก่อน ซึ่งในไตรมาส 4 โดยได้แรงหนุนจากสินเชื่อส่วนบุคคลและการถอนเงินสดด้วยบัตรเครดิต ซึ่งน่าจะสนับสนุนการเติบโตของ NII ที่ 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 2% จากไตรมาสก่อน ในไตรมาส 4 ปี 2564 แม้ว่ารายได้จากการติดตามเร่งรัดหนี้สินคาดว่าจะลดลงจากไตรมาสก่อน แต่การเติบโตของ non-NII จะทรงตัวจากไตรมาสก่อน เนื่องจากรายได้ที่แข็งแกร่งจากหนี้สูญได้รับเงินคืนที่เพิ่มขึ้น
ด้านผู้บริหารคาดว่ารายได้จากการติดตามเร่งรัดหนี้สินจะลดลง 40 ล้านบาทในไตรมาส 4ปี 2564 เนื่องจากค่าธรรมเนียมการเก็บหนี้ใหม่ ทั้งนี้ในไตรมาส 4 ปี 2563 บริษัทไม่ได้ขาย NPL โดยรวมแล้ว ทั้งนี้คาดว่า PPoP จะเติบโต 20% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และทรงตัวจากไตรมาสก่อน
อีกทั้งนับตั้งแต่เปิดประเทศในช่วงปลายปี 2564 ผู้บริหารพบว่าอัตราการเร่งรัดหนี้สินดีขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองที่ว่าคุณภาพสินทรัพย์ที่ลดลงได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยคาดว่าต้นทุนสินเชื่อจะลดลงจากไตรมาสก่อน ที่ 7.2% ในไตรมาส 4 ปี 2564 จาก 8.1% ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2564 และคาดว่ารายได้จาก หนี้สูญได้รับคืนจะเพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อนเป็น 405 ล้านบาทในไตรมาส 4 ปี 2564 อัตราส่วน NPL คาดลดลง 10% จากไตรมาสก่อนเป็น 4.7%
สำหรับการตั้งสำรองแตะระดับสูงสุดที่ 2 พันล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2564 เนื่องจาก (1) การล็อกดาวน์ในเดือนก.ค.-ส.ค. (2) เร่งตัดหนี้สูญเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และ (3) ตั้งสำรองเพิ่มเติมสำหรับการดำเนินงานในเมียนมาร์
ทั้งนี้คาดว่ากำไรจะดีขึ้นในปี 2565 จากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้นและความต้องการ สินเชื่อส่วนบุคคลที่สูงขึ้น รายได้ที่สูงขึ้นจากหนี้สูญได้รับคืนและต้นทุนเครดิตที่ลดลงน่าจะ ช่วยหนุนการเติบโตของกำไรในปี 2565 โดยคาดว่าการดำเนินงานในกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และ เวียดนาม (CLMV) จะคุ้มทุนในปี 2565 จากที่ขาดทุนในปี 2563 ฉุดโดยการดำเนินงานในเมียน มาร์ ผลดังกล่าวแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 250 บาท