TU ลุ้นยอดขายปีนี้ 1.5 แสนล้าน ดัน ITC เข้าเทรด Q3 โบรกชูเป้า 25 บ.
จับตา! TU ยอดขายปีนี้ 1.5 แสนลบ. หลังธุรกิจอาหารแช่แข็ง และอาหารสัตว์เริ่มฟื้นตัว มั่นใจดันบ.ลูก “ITC” เข้าเทรดไตรมาส 3/65 ปลดล็อกสินทรัพย์ที่มีมูลค่า แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 25 บ.
บริษัท หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (1 เม.ย.65) มีการประเมินต่อ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ว่า หลังจากปี 2564 ที่ผ่านมาคาดกำไรสุทธิปี 2565 อ่อนตัวลงแต่การดำเนินงานเป็นปกติทรงตัวกว่าเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ทางฝ่ายวิเคราะห์จึงได้คาดยอดขายของปี 2565 อยู่ที่ 4,598 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นค่าเงินบาทไทยอยู่ที่ 1.5 แสนล้านบาท (โดยแปลงค่าเงินเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2565) เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน
โดยสินค้ากลุ่มอาหารแช่แข็งจะเติบโตสูงสุดหลังจากโควิด-19 คลี่คลายและการผ่อนคลายมาตรการของประเทศต่างๆ ทำให้กิจกรรม และเศรษฐกิจกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง โดยหนุนกำลังซื้อทั้งในส่วนของร้านอาหารและส่วนของธุรกิจกลับมา ซึ่งในขณะที่กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงจะเป็นอีกกลุ่มที่มีการเติบโตสูงเช่นกันเนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีอัตราเติบโตเฉลี่ยที่ดีจากการเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นและปีที่ผ่านมาพนักงานของบริษัทติดโควิด-19 ทำให้ต้องหยุดการผลิตไปราว 2-3 สัปดาห์
สำหรับในส่วนของกลุ่มอาหารกระป๋องคาดยอดขายจะกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้งหลังสถานการณ์คลี่คลาย และคาดแนวโน้ม กำไรขั้นต้นจะอ่อนลงเล็กน้อยจากสัดส่วนการขายในกลุ่มสินค้าอาหารแช่แข็งเพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบอย่างบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากค่าขนส่งที่ยังอยู่ในระดับสูงจากปัญหาการขาดแคลนตู้ที่ยังมีผลต่อเนื่อง รวมถึงจะมีค่าใช้จ่ายพิเศษจากการขายสินค้าใหม่ๆ ในกลุ่มอาหารเสริมของบริษัทมากขึ้น แต่คาดการรับรู้ ส่วนแบ่งการดำเนินงานในบริษัทร่วมจะรับรู้ขาดทุนลดลงเนื่องจากคาดการดำเนินงานในอินเดียจะดีขึ้นตามราคากุ้งที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ในส่วนของบัญชีแยกประเภทรายได้ แม้ว่าจะกลับมาเปิดสาขาตามปกติและคนเข้าร้านมากขึ้นแต่ คาดจะขาดทุนใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีก่อนหน้ามีเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเข้ามา และคาดปีนี้จะได้รับผลกระทบจากค่าแรงที่ปรับขึ้น โดยคาดการดำเนินงานปกติจะลดลงที่ 2% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 5,952 ล้านบาท แต่คาดกำไรสุทธิจะลดลง 12% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่ 7,043 ล้านบาท เนื่องจากปีก่อนมีรายการพิเศษสูงถึง 1,946 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯ เตรียมนำบริษัทลูกที่ถืออยู่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มเติม โดยปีที่ผ่านมาได้นำ TFM เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ และในปีนี้มีแผนจะนำ บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet care) ทั้งอาหารแมวและอาหารสุนัขเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเบื้องต้นคาดจะเสนอขายช่วงไตรมาสที่ 3/2565 และจะจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ผู้ซื้อจะไม่ได้สิทธิจองซื้อหุ้นออกใหม่ (XB) ราว 20% รวมถึงมีแผนที่จะนำบัญชีแยกประเภทรายได้ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐภายใน 3-5 ปีข้างหน้า แผนการนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนเป็นการปลดล็อกสินทรัพย์ที่มีมูลค่าคงคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 25 บาท แม้การดำเนินงานปี 2565 จะอ่อนลงจากปัจจัยลบที่กล่าวข้างต้น แต่หากราคาปัจจุบันกลับมาซื้อขายบนค่า P/E ที่ต่ำกว่า 13 เท่า และยังมีปัจจัยบวกจากการเตรียมนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในไตรมาสที่ 3 ปี 2565