ดัชนีแกว่งกรอบแคบรอปัจจัยใหม่หนุนชู 12 หุ้นรับผลดีโครงการใหญ่จากภาครัฐ

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ แกว่งกรอบแคบ อย่างไรก็ตาม ตัวเลข PMI ของจีนที่ออกมาต่ำกว่าคาด และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาไม่ดี จะเป็นตัวถ่วงดัชนีฯ ไว้ โดยมีหลายปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้ที่ต้องติดตามได้แก่ การประชุมครม. ผลกนง.และประเด็นการฟ้องศาลฯ เพื่อคุ้มครองชั่วคราวระงับการประมูลคลื่น 900 MHz


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รายงานเช้านี้ ณ เวลา 9.09 น. ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 35.55 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) และสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตจีนในเดือนต.ค. อยู่ที่ระดับ 49.8 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับของเดือนก.ย. เป็นการสะท้อนว่าความต้องการในภาคการผลิตยังคงอ่อนแรง

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ แกว่งกรอบแคบ อย่างไรก็ตาม  ตัวเลข PMI ของจีนที่ออกมาต่ำกว่าคาด และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาไม่ดี จะเป็นตัวถ่วงดัชนีฯ ไว้ โดยมีหลายปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้ที่ต้องติดตามได้แก่ การประชุมครม. ผลกนง.และประเด็นการฟ้องศาลฯ เพื่อคุ้มครองชั่วคราวระงับการประมูลคลื่น 900 MHz

สำหรับหุ้นเด่นวันนี้ ได้แก่ AMATA, ROJNA, IFEC, SMPC, CSS, BBL, TU, ITD, LPN, TPIPL, BH และ VGI

 

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยวันนี้จะเคลื่อนไหวผันผวนถึงปรับลดลง แต่ downside จำกัด โดยการปรับลดลงเป็นผลจากตัวเลข PMI ของจีน และการส่งออกของไทยที่ยังอ่อนแอ รวมถึงภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศที่อ่อนตัวลง จะเป็นตัวกดดันต่อภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นไทย

อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยได้รับรู้ปัจจัยลบต่างๆเหล่านี้มาพอสมควร ทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงมามากแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งน่าจะทำให้การอ่อนตัวของดัชนีหลังจากนี้จะอยู่ในกรอบจำกัด ขณะที่การทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/58 ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ที่จะทยอยออกมา ส่วนใหญ่ตลาดคาดการณ์แล้วว่าผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่อาจจะไม่ดีนัก และบางส่วนก็ได้ประกาศออกมาบ้างแล้ว ทำให้แรงกดดันที่มีต่อการลงทุนไม่มากนัก

พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,380 จุด และแนวต้านที่ 1,400 จุด

 

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (2 พ.ย.)  คาดดัชนีฯวันนี้ มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย โดยได้ปัจจัยในประเทศหนุน อาทิ รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นการลงทุนและเร่งลงทุนโครงการคมนาคมและข่าวบวกต่อกลุ่มพลังงานทดแทน อย่างไรก็ตาม  ตัวเลข PMI ของจีนที่ออกมาต่ำกว่าคาด และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาไม่ดี จะเป็นตัวถ่วงดัชนีฯ ไว้ สำหรับหุ้นที่คาดว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจในวันนี้  อาทิเช่น BBL , TU , ITD , LPN , TPIPL

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (2 พ.ย.)  คาด SET แกว่งแคบ มองว่ามุมมองต่อเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นเล็กน้อย หลังชุดข้อมูล ก.ย.ค่อนข้างดี จะหักล้างแรงกระทบจากต่างชาติขายหุ้นได้บ้าง ทั้งนี้ แนวโน้มระยะสั้นของทุนต่างชาติดูแย่ลง เนื่องจากมุมมองว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยใน ธ.ค.58 จะจำกัดทางขึ้นของตลาดหุ้น ผนวกตัวเลขเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นชัดเจน เมื่อวานจีนรายงาน Official PMI ภาคการผลิต ต.ค.ที่ 49.8 เท่ากับในก.ย.แต่ PMI ภาคบริการลดลง อย่างไรก็ดีในระยะสั้นมากเงินบาทอาจแข็งตามเงินหยวน หลังจีนอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ในจีนเปิดบัญชีสกุลเงินหยวนเพื่อนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลให้ความต้องการเงินหยวนในประเทศเพิ่มขึ้น

หุ้นเด่นซื้อ IFEC,SMPC, เก็งกำไร CSS

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (2 พ.ย.)  ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากทิศทาง Fund Flows ที่คาดจะยังชะลอตัวเพื่อรอความชัดเจนของการประชุม FED ใน ธ.ค.นี้ ส่วนทิศทางผลประกอบการ PTT ใน Q3/58 คาดจะขาดทุนประมาณ -2.57 หมื่น ลบ. ยังคงกดดันดัชนีหุ้นไทย สัปดาห์นี้ ติดตามการประชุม ครม. วันอังคารนี้จะเสนอแพจเก็จสนับสนุนการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งเป็นปัจจัยบวกหนุนหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เช่น AMATA, ROJNA  กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนียังมีโอกาสปรับฐานลงมาที่แนวรับ 1,380 จุด โดยมีแนวต้าน 1,400 – 1,410 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไรเมื่อดัชนีอ่อนตัว เนื่องจากระยะสั้นยังไร้ปัจจัยบวกหนุนดัชนีอย่างชัดเจน

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (2 พ.ย.)  กลยุทธ์: สำหรับทิศทางตลาดในสัปดาห์นี้คาดว่าจะยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ 1380-1410 จุด โดยมีประเด็นที่ต้องติดตามอย่าง การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 4 พ.ย., ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/58 ของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยประกาศออกมาและประเด็นทีโอที จะมีการยื่นฟ้อง กสทช. กรณีคลื่น 900 MHz ต่อศาลปกครองหรือไม่ (หากทีโอทีไม่ฟ้อง ทางสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจก็จะยื่นฟ้องเอง)

โดยการประชุมกนง. คาดว่าจะมีการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ตามที่ตลาดคาด (เนื่องจากการประชุมเฟดในสัปดาห์ก่อนมีการให้ข้อมูลในเชิงว่ามีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนธ.ค.) ซึ่งประเมินว่านักลงทุนจะทยอยขายทำกำไรหุ้น high beta และกลับมาถือหุ้นปันผลสูงที่มีความปลอดภัยของกระแสเงินสดสูงอย่าง ADVANC BTS BTSGIF DIF JASIF INTUCH ในระยะสั้น

ในขณะที่ประเด็นการฟ้องศาลฯ เพื่อคุ้มครองชั่วคราวระงับการประมูลคลื่น 900 MHz คาดว่าอาจมีการฟ้องแต่ศาลฯ น่าจะมีคำวินิจฉัยไม่ระงับการประมูล 4G ในวันที่ 11-12 พ.ย.หรือหากศาลฯ ไม่รับฟ้องก็จะยิ่งเป็นบวกกับ ADVANC INTUCH วันนี้คาดว่าตลาดจะมีแนวโน้ม sideway รอดูปัจจัยต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น โดยกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นแนะนำ ทยอยขายทำกำไรหากดัชนีมีการรีบาวน์ไปที่ระดับ 1400 จุดและรอการกลับเข้าซื้อที่ระดับดัชนี 1370+/- จุด

Fundamental Stock :

=> VGI : COMPANY NOTE (คำแนะนำ : ถือ ราคาเป้าหมาย 4.21 บาท)

=> BH : COMPANY NOTE (คำแนะนำ : ขาย ราคาเป้าหมาย 198 บาท)

Back to top button