MINT ปีนี้พลิกมีกำไร

ผู้บริหาร MINT มั่นใจว่า ผลประกอบการในปีนี้จะพลิกกลับมามีกำไรอย่างแน่นอน โดยจะเห็นการมีกำไรจากทั้ง 3 ธุรกิจ


คุณค่าบริษัท

หลังจากบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT บาดเจ็บสาหัสจากสงครามโควิด สะท้อนได้จากผลประกอบการที่ขาดทุนต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 21,407 ล้านบาท จากรายได้รวม 58,695 ล้านบาท และปี 2564 ขาดทุนสุทธิ 13,166 ล้านบาท จากรายได้รวม 76,211 ล้านบาท

แต่จากสถานการณ์โควิดที่เริ่มคลี่คลาย หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้า-ออก โดยเฉพาะประเทศในยุโรปที่ผ่อนคลายมาตรการกักตัวและทยอยเปิดน่านฟ้ามากขึ้น จะเป็นปัจจัยหนุนให้ MINT กลับมาเติบโตโดดเด่นอีกครั้ง

โดยผู้บริหารมั่นใจว่า ผลประกอบการในปีนี้จะพลิกกลับมามีกำไรอย่างแน่นอน โดยจะเห็นการมีกำไรจากทั้ง 3 ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม (ไมเนอร์ โฮเทลส์) ร้านอาหาร (ไมเนอร์  ฟู้ด) และธุรกิจจัดจำหน่ายและรับจ้างผลิตสินค้า (ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์) สำหรับในปีนี้วางงบลงทุนไว้ประมาณ 6,400 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ รวมไปถึงการสร้างโรงแรมตามแผน

ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2565 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้จะเป็นช่วงของโลว์ซีซั่น โดยสถานการณ์ในรัสเซีย และยูเครน คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบ เนื่องจากไม่มีธุรกิจโรงแรม หรือร้านอาหารใน 2 ประเทศดังกล่าว

ด้าน บล.เมย์แบงก์ คาดการณ์ปี 2565 MINT จะมีกำไรที่ 1,600 ล้านบาท เทียบกับสมมติฐานก่อนหน้านี้คาดจะมีขาดทุน 1,200 ล้านบาท ซึ่งได้แรงหนุนจากการเติบโตที่ดีในธุรกิจโรงแรม และร้านอาหาร โดยคาดรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) จะเติบโต 64% และคาดยอดขายสาขาเดิม (SSSG) จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 10% เมื่อเทียบกับปี 2564

สำหรับธุรกิจโรงแรมในยุโรปฟื้นตัวโดดเด่น แม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง โดยในปี 2565 คาดว่าอัตราการเข้าพักจะเพิ่มขึ้นเป็น 54%  จาก 36% ในปี 2564 และจากความต้องการที่ตึงตัวมากขึ้นหลังโควิด คาดว่าราคาห้องพักเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้น 2% ส่งผลให้ RevPar ปรับตัวเพิ่มขึ้น 66% เมื่อเทียบกับปี 2564 พร้อมประเมินว่า RevPar จะเพิ่มขึ้นอีก 36% ในปี 2566 และ 9% ในปี 2567 เนื่องจากธุรกิจโรงแรมเข้าสู่ภาวะปกติหลังโควิดคลี่คลาย

ขณะที่ธุรกิจร้านอาหาร ยอดขายสาขาเดิมเป็นบวก หลังไม่มีล็อกดาวน์แล้ว โดยปี 2565 คาดว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมจะอยู่ที่ 10% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากติดลบ 5.4% ในปี 2564 โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวทั้งในประเทศไทย จีน และออสเตรเลีย ทำให้ยอดขายในธุรกิจร้านอาหารสูงกว่าช่วงก่อนโควิดถึง 3% หรือประมาณ 23,400 ล้านบาท

รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่

  1. บริษัท ไมเนอร์ โฮลดิ้ง (ไทย) จำกัด 824,844,497 หุ้น 15.81%
  2. นายนิติ โอสถานุเคราะห์ 497,600,851 หุ้น 9.54%
  3. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 474,025,221 หุ้น 9.08%
  4. UBS AG SINGAPORE BRANCH 340,582,203 หุ้น 6.53%
  5. SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED 177,630,568 หุ้น 3.40%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายวิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานกรรมการ, ประธานกรรมการบริหาร
  2. นายเอ็มมานูเอล จู๊ด ดิลิปรัจ ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท, กรรมการ
  3. นายพอล ชาลีส์ เคนนี่ กรรมการ
  4. นายอานิล ธาดานี่ กรรมการ
  5. นายธีรพงศ์ จันศิริ กรรมการ
  6. นายจอห์น สก็อต ไฮเน็ค กรรมการ
  7. นายนิติ โอสถานุเคราะห์ กรรมการ
  8. น.ส.สุวภา เจริญยิ่ง กรรมการอิสระ, ประธานกรรมการตรวจสอบ
  9. นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ
  10. นายเอ็ดเวิร์ด คีธ ฮูเบนเน็ท กรรมการอิสระ
  11. น.ส.คามิลล์ มา กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ

Back to top button