HL ทะยาน 11% เก็งรายได้ปีนี้โตกว่า 10% รับเปิด 10 สาขาใหม่-พัฒนาแบรนด์เจาะตลาดตปท.

HL ทะยาน 11% เก็งรายได้ปีนี้โตกว่า 10% อานิสงส์เปิด 10 สาขาใหม่ และเร่งเพิ่มพัฒนารายการสินค้านวัตกรรมใหม่มากขึ้นภายใต้แบรนด์ของตัวเอง เพื่อเจาะตลาดในประเทศไทย และต่างประเทศ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (7 เม.ย. 2565) ราคาหุ้นบริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) หรือ HL ณ เวลา 15:35 น. อยู่ที่ระดับ 28.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท หรือ 10.68% โดยทำจุดสูงสุดที่ 29.25 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 25.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 122.38 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้ ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HL เปิดเผยว่า  ปี 2565 รายได้รวมจะเติบโตมากกว่า 10% จากปี 2564 ที่มีรายได้รวม 1,216 ล้านบาท ตามการขยายตัวของสาขาใหม่ และฐานสมาชิกประจำที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และเพิ่มรายการผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกกลุ่มอายุ ซึ่งใน 3-5 ปีนับจากนี้ยังมุ่งขยายสาขาใหม่ต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าถึงและเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนตามนโยบายของ HL ซึ่งรวมถึงการขยายตลาดในต่างประเทศด้วย

สำหรับในปี 2565 บริษัทฯ เตรียมเปิดสาขาใหม่ 10 สาขา ซึ่งเซ็นสัญญาไปแล้ว 7 แห่ง แบ่งเป็น เปิดบริการในไตรมาส 1/2565 จำนวน 1 สาขา เปิดบริการในไตรมาส 2/2565 จำนวน 4 สาขา  เปิดบริการในไตรมาส 3/2565 จำนวน 2 สาขา และที่เหลือจำนวน 3 สาขา จะเปิดบริการในไตรมาส 4/2565 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพราะมีมูลค่าการตลาดที่สูง

ทั้งนี้การเปิดสาขาใหม่จะมีร้านขนาดกลาง 80 – 150 ตารางเมตร (ตร.ม.) จำนวน 8 สาขา จะใช้งบลงทุน 2 – 3.75 ล้านบาทต่อสาขา และร้านขนาดใหญ่ 150 – 300 ตารางเมตร จำนวน 2 สาขา จะใช้งบลงทุน 3.75 – 6 ล้านบาทต่อสาขา นอกจากนี้ยังเร่งเพิ่มพัฒนารายการสินค้านวัตกรรมใหม่มากขึ้นภายใต้แบรนด์ของตัวเอง เพื่อเจาะตลาดในประเทศไทย และต่างประเทศ พร้อมทั้งขยายช่องการการจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ PRIME และ BESUTO

อีกทั้งยังมีบริษัท เฮลทิเนส จำกัด ที่ HL ถือหุ้นในสัดส่วน 100% นอกกลุ่มบริษัทอีกด้วย ซึ่งในปี 2565 ประเมินว่าจะมียอดขาย “เฮลทิเนส” เติบโตเท่าตัวจากปีก่อน และช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่ดี เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง ส่วนการเปิดสาขาใหม่น่าจะมีการคืนทุนได้ภายใน 6 เดือน – 1 ปี  อีกทั้งยังปรับเปลี่ยนการทำสัญญาเช่าเป็นระยะยาวมากขึ้น เพื่อลดการอัตราการปิดสาขาในอนาคตให้น้อยลง รวมทั้งมั่นใจว่ายอดขายสาขาเดิมเฉลี่ยทั้งปี 2565 จะยังเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก

Back to top button