พาราสาวะถี
ธรรมดาเสียที่ไหน เห็นเป็นรัฐมนตรีหญิงหน้าใหม่อย่างนี้ แต่ชั่วโมงบินทางการเมืองนั้นต้องบอกว่าสูงกว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและบรรดาไอ้ห้อยไอ้โหนที่รายล้อมรอบตัวเสียด้วยซ้ำ
ธรรมดาเสียที่ไหน เห็นเป็นรัฐมนตรีหญิงหน้าใหม่อย่างนี้ แต่ชั่วโมงบินทางการเมืองนั้นต้องบอกว่าสูงกว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและบรรดาไอ้ห้อยไอ้โหนที่รายล้อมรอบตัวเสียด้วยซ้ำ หากไม่เจ๋งจริง มนัญญา ไทยเศรษฐ์ ไม่ขึ้นลิฟท์เบียดบรรดาส.ส.จอมเก๋าทั้งหลายภายในพรรคภูมิใจไทยมาเป็นเสนาบดีได้ อาจจะถูกที่ว่ามี ชาดา ไทยเศรษฐ์ พี่ชายผู้ยิ่งใหญ่แห่งอุทัยธานีหนุนหลัง แต่การจะส่งน้องสาวก้าวมาถึงจุดนี้ต้องมั่นใจพอว่าสามารถต่อกรกับบรรดานักการเมืองเขี้ยวลากดินทั้งหลายได้
จะเห็นได้ตั้งแต่การแลกหมัดกับรัฐมนตรีรุ่นใหญ่ของพรรคร่วมรัฐบาลตั้งแต่คราวการยกเลิกการใช้สารเคมีทางการเกษตร ที่เสนาบดีหญิงคนดีพร้อมแตกหัก ขณะที่แรงหนุนภายในพรรคทั้งจาก อนุทิน ชาญวีรกูล และ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ในฐานะหัวหน้าและเลขาธิการพรรคก็เป็นไปอย่างเข้มแข็ง นั่นสะท้อนให้เห็นว่า บารมีภายในพรรคของสองพี่น้องไทยเศรษฐ์อยู่ในระดับที่ทุกคนต้องเกรงใจ ขนาดกุนซือของพรรคที่ได้ชื่อว่าเก๋าเกมสุดแล้วยังยอมซูฮกในความใจถึงพึ่งได้ของพี่น้องคู่นี้
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหลังจากที่มีปมดราม่าเกี่ยวกับการปะทะคารมกับ วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จนทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจหัวเสียถึงขั้นไล่ให้ไปเถียงกันนอกห้องประชุม คล้อยหลังจากนั้นไม่ถึง 24 ชั่วโมง มนัญญาแสดงถึงความเป็นนักการเมืองใจใหญ่ ด้วยวลีวรรคทองที่โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “เรื่องที่ทุกคนพูด ก็พูดไม่สุด แต่ถ้าเราพูดแล้วจะหนาวกันหมด จบก็คือจบ ค่ะ”
นิ่ม ๆ แต่ทรงพลังขนาดเสี่ยหนูหัวหน้าพรรคที่ตอบคำถามนักข่าวในวันทำบุญพรรค 6 เมษายน ใช้วลีทองเดียวกัน จบก็คือจบ นั่นย่อมสะท้อนให้เห็นว่าภายในพรรคภูมิใจไทยนั้น ทุกการขับเคลื่อนไม่ใช่แค่ความเห็นที่แตกต่างกับเพื่อนในพรรคร่วมรัฐบาลจึงต้องทักท้วง โดยหลังจากนั้นจะไม่มีอะไรติดค้างในใจต่อกัน ทว่าการเดินเกมภายในการชี้นำของกุนซือคนสำคัญนั้น จากการมองเห็นความขัดแย้งของพี่น้องแก๊ง 3 ป. และภายในพรรคสืบทอดอำนาจ ก็หาช่องที่จะทำคะแนนเพื่อหวังผลในการเลือกตั้งครั้งหน้าทันที
อย่างที่รู้กัน ถ้าจะไปถามหาผลงานแบบเนื้อ ๆ เน้น ๆ จากกระทรวงที่คนของตัวเองกุมบังเหียนมันลำบาก โดยเฉพาะกับสถานการณ์โควิด-19 นับตั้งแต่มีการระบาดก็ถูกรวบอำนาจไปไว้ในมือของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจแต่เพียงผู้เดียว เมื่อคนบ้าอำนาจหวังจะเป็นวันแมนโชว์แต่กลับไม่เป็นไปอย่างที่คาด ฝ่ายที่ถูกเหยียบหัวแบบไม่เกรงอกเกรงใจ ก็ต้องหาจังหวะที่จะเอาคืนอย่างสาสม ประสากุนซือเขี้ยวลากดินย่อมจัดเต็มแบบทบต้นทบดอก
เรื่อง 260 เสียงไม่ใช่ไม่ได้พูด และไม่ใช่เป็นการพูดเพื่อจะกดดันผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเหมือนอย่างที่อนุทินปฏิเสธ แต่เป็นการส่งสัญญาณกันแบบโต้ง ๆ ต้นทุนของความต้องการที่จะอยู่ครบเทอมต้องสูงขึ้น และให้รู้ด้วยว่ากระเป๋าที่เคยลากเข้ารัฐสภานั้นมันจะต้องใหญ่กว่าเดิม ภายใต้วลีที่ว่าจบก็คือจบ มันหมายความว่า อย่าให้ต้องพูดในสิ่งที่เป็นประเด็นนอกเหนือจากที่ปรากฏเป็นข่าว ที่จะทำเอาเสถียรภาพของรัฐบาลสั่นคลอนกันทันที
โดยที่ฐานทางการเมืองของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่คิดจะทาบบารมีของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.นั้นต้องยอมรับว่าต่างกันลิบลับ เห็นกันมาแล้วนับตั้งแต่แก๊ง 4 กุมารถูกเขี่ยพ้นไปจากพรรคสืบทอดอำนาจ และกระเพื่อมไปถึงเก้าอี้รัฐมนตรีในรัฐบาล จนกระทั่งมาถึงความพยายามในการที่จะส่งรัฐมนตรีสายตรงของตัวเองเข้าไปมีบทบาทนำภายในพรรคแกนนำรัฐบาล แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครไปสู่เป้าหมายตามที่ท่านผู้นำอยากจะให้เป็นได้
มิหนำซ้ำ ภายในพรรคสืบทอดอำนาจก็เห็นได้ชัดว่าพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.มีแต่จะดึงคนสนิทของตัวเองเข้ามาเสริมทัพ สร้างความแข็งแกร่งแสดงอำนาจ บารมีที่ยิ่งใหญ่ภายในพรรค หากน้องรองและน้องเล็กยังคงยืนยันที่จะเดินเกมในการเป็นผู้มากบารมีทางการเมืองภายในพรรคการเมือง ก็จะต้องเจอแรงกดดันอย่างหนักหน่วง ที่จะได้เห็นการสำแดงฤทธิ์เดชกันผ่านการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่จะเปิดสมัยประชุมกันในเดือนหน้ามี 2 วาระที่ต้องอาศัยเสียงของส.ส.มาค้ำยันรัฐบาล
หนึ่งคือร่างกฎหมายงบประมาณปี 2566 อีกหนึ่งคือญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน โดยเรื่องแรกไม่น่าจะใช่ปัญหา เพราะขึ้นชื่อว่านักเลือกตั้ง อย่างไรเสียก็ต้องให้ความร่วมมือในการผ่านงบประมาณแผ่นดิน เพื่อนำไปใช้ในการหาเสียงรองรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ตาม กระบวนการบริหารจัดการเรื่องนี้เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าเขามีวิธีการจัดสรรปันส่วนกันอย่างไร ดังนั้นข้อกังวลนี้น่าจะเบาใจได้
แต่เรื่องศึกซักฟอกผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจมีบทเรียนมาแล้ว จนกลายเป็นความระส่ำภายในพรรคสืบทอดอำนาจ กระทั่ง ธรรมนัส พรหมเผ่า และพวกต้องถูกอัปเปหิให้พ้นพรรค ไม่ได้หมายความว่าหมดหอกข้างแคร่ไปแล้วจะทำให้ท่านผู้นำสบายใจ เพราะไม่มีใครกล้าการันตีว่าจะไม่มีธรรมนัสคนที่สองเกิดขึ้นในพรรคสืบทอดอำนาจอีก การเมืองเรื่องผลประโยชน์แม้พี่ใหญ่จะดูแลดีอย่างไร ในจังหวะที่จะต้องให้บทเรียนน้องรักโทษฐานริบอำนาจจากฝ่ายบริหารของพี่ใหญ่ไปทั้งหมด ต้องมีการชดใช้อย่างสาสม
ส่วนที่มีการมองกันว่าความบาดหมางที่ยังคงอยู่ กระทั่งท้ายที่สุดนำไปสู่การแยกกันเดินของพี่น้องแก๊ง 3 ป. ปลายทางคงหนีไม่พ้นที่จะกลับมาจับมือกันเดินอีกหลังเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าพรรคสืบทอดอำนาจกวาดเก้าอี้ส.ส.ได้ถึง 150 ที่นั่งจริงอย่างที่โม้ แล้วมีข้อเสนออันงามหยดย้อยมาจากพรรคการเมืองอื่น ๆ ที่จะสามารถจับมือกันตั้งรัฐบาลได้ ถามว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจยังจะเป็นตัวเลือกแรกที่ถูกชูจากพรรคแกนนำรัฐบาลเวลานี้อีกหรือ สมการทางการเมืองต้องไปว่ากันหลังหย่อนบัตร ยังคงย้ำเหมือนเดิมไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรทางการเมือง