จับตา DCC กำไร Q1 นิวไฮ 540 ลบ. อานิสงส์ปรับราคาขาย-สินค้ามาร์จิ้นสูง โบรกชูเป้า 3.6 บ.

โบรกแนะซื้อ DCC เป้า 3.6 บ. ชี้กำไร Q1 นิวไฮ 540 ลบ. อานิสงส์ปรับราคาขายขึ้น และบวกกับผลของ Product Mix จากสินค้ามาร์จิ้นสูง อย่างกระเบื้องขนาดใหญ่หนุน


บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (11 เม.ย.2565) โดยประเมิน บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ DCC ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายปี 2565 เติบโต 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามกิจกรรมก่อสร้างที่ฟื้นตัว บวกกับกลยุทธ์มุ่งปรับช่องทางการขายสาขาเดิมสู่ Functional Outlet ด้วยการนำสินค้าของพันธมิตรมาจำหน่ายในสาขาที่มีอยู่ของบริษัทฯ ทั้งการตกแต่ง ซ่อมแซม และวัสดุ ก่อสร้าง เพื่อนำเสนอสินค้าที่หลากหลายขึ้น ช่วยสร้าง Traffic ของลูกค้ามากขึ้น และเพิ่มรายได้ค่าเช่า โดยตั้งเป้าพัฒนาภายใต้ 20 สาขาภายในปีนี้

ขณะที่แม้ต้นทุนการผลิตจะเป็นขาขึ้นตามต้นทุนพลังงานทั้งราคาก๊าซ (สัดส่วน 30% ของต้นทุนรวม), ดินหินแร่ (สัดส่วน 20% ของต้นทุนรวม) และค่าขนส่ง แต่บริษัทฯ มีนโยบายปรับราคาขายขึ้นสะท้อนต้นทุนต่อเนื่อง พร้อมเน้นขายสินค้าที่มาร์จิ้นสูง รวมถึงกลยุทธ์บริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การจัดการระบบและอัตราขนส่งใหม่ช่วยลดค่าน้ำมัน, ปรับปรุงการจัดการคลังสินค้าเพื่อลดความเสียหาย รวมถึงพัฒนาระบบการเติมสต็อกแต่ละสาขาจากส่วนกลาง คาดจะช่วยหนุนให้สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับสูง 45% จากปี 2564 อยู่ที่ 43.30%

ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยประเมินผลประกอบการไตรมาส 1/2565 ทำระดับสูงสุดรายไตรมาสที่ 540 ล้านบาท ขยายตัว 39% จากไตรมาสก่อน และขยายตัว 9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แม้ปริมาณการขายคาดชะลอลง 14% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตลาดก่อสร้างใหม่ยังไม่คึกคักหลังเกิดการระบาด COVID-19 รอบใหม่ แต่ได้ปัจจัยบวกจากราคาขายเฉลี่ยที่ขยับขึ้นเป็น 150 บาทต่อตร.ม. ซึ่งเพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 18% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากการปรับเพิ่มราคาขาย บวกกับผลของ Product Mix จากสินค้ามาร์จิ้นสูง อย่างกระเบื้องขนาดใหญ่ 60×120 และ 80×80 รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างกระเบื้องพอร์ซเลนขนาด 60×60 ซึ่งเริ่มเปิดตัวปลายปี 2564 เพื่อทดแทนตลาดนำเข้าด้วยจุดขายทั้งต้นทุนที่ต่ำกว่าและขนส่งรวดเร็ว

สำหรับปัจจัยข้างต้นล้วนสนับสนุนให้ไตรมาส 1/2565 คาดมียอดขายเติบโตราว 2.45 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นทำได้ 45% จาก 43% ในไตรมาส 4/2564 และไตรมาส 1/2564

อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปี 2565 ที่ 1.80 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทำระดับสูงสุดใหม่ บนคาดการณ์ยอดขายเพิ่มขึ้น 4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้น 43.50% ซึ่งถือว่า Conservative กว่าเป้าหมายของบริษัทฯ สำหรับไตรมาส 2/2565 เป็น Low Season ของธุรกิจวัสดุก่อสร้าง รวมถึงต้นทุนก๊าซมีแนวโน้มสูงขึ้นจากไตรมาส 1/2565 ที่ทรงตัว โดยผู้บริหารมองระดับ 330 บาท/MMTBU เนื่องจากราคาก๊าซเคลื่อนไหวช้ากว่าราคาน้ำมันดิบ 2-3 เดือน ส่งผลให้คาดกำไรไตรมาส 2/2565 อ่อนลงจากไตรมาส 1/2565 แต่ยังอยู่ระดับที่ดี จากทั้งราคาขายเฉลี่ยที่ปรับขึ้น และผลของการควบคุมค่าใช้จ่าย

ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยคงราคาเหมาะสมที่ 3.60 บาท อิงค่า PER ที่ 18 เท่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” จาก Catalyst ระยะสั้น แนวโน้มงบไตรมาส 1/2565 โดดเด่น พร้อมคาดงวดไตรมาส 1/2565 จ่ายปันผล 0.059 บาท/หุ้น คิดเป็น Yield 2% และ คาดผลตอบแทนปันผลทั้งปีสูง 6.6% บนสมมติฐาน Payout 100% (จ่ายไตรมาสละครั้ง) ขณะที่กลยุทธ์ที่ดีทั้งด้านยอดขายผ่านการมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางการขายใหม่ พร้อมเน้นบริหารจัดการต้นทุนหนุนให้ภาพรวมสามารถเติบโตได้ดีแม้เผชิญปัจจัยลบ

Back to top button