ใกล้ฟื้น?

แนวคิดถึงโอกาสในการทะยานขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,700 จุด และทะลุขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,720 จุด กำลังแปรเปลี่ยนเป็นเรื่องยากไปเสียแล้ว


*ประเด็นที่ “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับไตร่ตรองมากเป็นพิเศษก่อนจะไปเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ คงเป็นแนวคิดของโบรกเกอร์ต่าง ๆ ที่เริ่มมองถึงโอกาสในการทะยานขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,700 จุด และทะลุขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,720 จุด กำลังแปรเปลี่ยนเป็นเรื่องยากไปเสียแล้ว หลังปัจจัยภายนอกไม่เอื้อให้นักเล่นสถาบันเข้าซื้อแบบดุดันเหมือนก่อนหน้านี้ และทำให้ตลาดหุ้นไทยเต็มไปด้วยแรงขายไงล่ะคะ

*ถ้ามองจากแนวความคิดข้างต้น ก็กลายเป็นเรื่องน่าปวดหัวสำหรับคนที่คิดจะเล่นสั้น เพราะเหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า กรณีเลวร้ายสุด ๆ ดัชนีมีสิทธิ์ลงไปต่ำกว่าระดับ 1,630 จุด แต่หากประคองตัวแบบถูลู่ถูกังไปเรื่อย ๆ แนวรับสำคัญบริเวณ 1,650 จุดน่าจะเอาอยู่ เพราะปัจจัยภายในประเทศไม่ได้แย่ลงมาก รวมทั้งสัญญาณทางเทคนิคก็ลงมาใกล้โลว์ครั้งก่อน จึงมีลุ้นเห็นดัชนีฟื้นตัวในสัปดาห์หน้า เลยไม่มีอะไรต้องหนักใจเหมือนเมื่อปีก่อนเจ้าค่ะ

*ฉะนั้นการที่ดัชนีลงมายืนปิดที่ระดับ 1,678.46 จุด ลบไป 7.54 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.27 หมื่นล้านบาท จึงกลายเป็นทางสามแพร่งที่นักเล่นต้องเลือกเอาระหว่าง “ลุย” หรือ “ถอย” และ “อยู่เฉย ๆ” ซึ่งเป็นเกมที่บีบหัวใจพอสมควร เพราะคนที่ต้องรับศึกหนักครั้งนี้คือ “รายย่อย” เพราะต้องปรับสไตล์มาเป็นเล่นตั้งรับ “โมนิก้า” จึงไม่รู้ว่า เที่ยวนี้จะรับได้นานแค่ไหน? และข่าวผลประกอบการจะช่วยลดแรงขายได้เยอะขนาดไหน? น่ะซี

*ขนาดหุ้นชิ้นส่วนตัวพ่อที่มาแรงอย่าง KCE ยังถูกถล่มหนักตั้งแต่ต้นปี จนราคาหุ้นทรุดลงไปทำโลว์แถว ๆ 55 บาท ต่อจากนั้นก็ตีตื้นขึ้นมาเรื่อย ๆ และทำได้ดีสุดแค่ย่ำฐานที่บริเวณ 66 บาท แต่ในช่วง 3 วันที่ผ่านมาก็โดนจัดหนักอีกดอก จนวานนี้หุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 61 บาท ลบไป 2.25 บาท หรือลงไป 3.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.36 พันล้านบาท จึงกลายเป็นเกมที่น่ากังวลสำหรับคนที่เข้าไปช้อน เพราะธุรกิจผ่านจุดพีคไปแล้วนะคะ

*เช่นเดียวกับเจ้าพ่อสื่อสารอย่าง ADVANC ก็เกิดอาการเครื่องสะดุดเป็นเวลาสองเดือนเต็ม ๆ จึงทำได้แค่วนเวียนไปมาในกรอบ 220-240 บาท “โมนิก้า” จึงอยากถามแฟนคลับว่า การที่หุ้นลงมายืนที่ระดับ 224 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 784 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเทรดบนค่า PE 24 เท่า มันเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจหรือเปล่า? และการที่คู่แข่งรวมหัวกันสู้ศึก มันกระทบบริษัทหรือเปล่า? ลองไปหาข้อมูลกันนะจ๊ะ

*ในเมื่อบรรยากาศตลาดหุ้นมีแต่เรื่องที่ทำให้คิดหนัก “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่เห็นหุ้น GUNKUL พลอยฟ้าพลอยฝนไปกับเขาด้วย และการที่หุ้นยืนหยัดบริเวณฐานราคา 6 บาทเป็นเวลาร่วมเดือน ย่อมเป็นสถานการณ์ที่นักเล่นต้องทนแรงบีบคั้นจากภายนอกให้ได้ เพราะโดยพื้นฐานต้องเม้าท์กันตามตรงว่า ปีนี้กำไรมาดีแน่นอน! จึงกลายเป็นโจทย์ยากที่ผู้เล่นต้องตัดสินใจเองว่า การยืนปิดที่ 6.05 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 2.40% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 283 ล้านบาท น่าซื้อไหม?..อิอิอิ

*ส่วนรายที่ล้อไปกับความหวังอย่างหุ้น BWG กลายเป็นหุ้นเล่นสั้นที่ขาลุยรู้ดีว่า เสี่ยงสูง! แต่ก็ยังชอบเล่นเหมือนเดิมนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของแทคติกของคนที่ชอบหุ้นต่ำกว่าสองบาท ซึ่งมีจังหวะให้รุก และจังหวะให้รับ ที่แน่นอนตายตัว ยิ่งเห็นการเคลื่อนตัวในรอบ 4 เดือนครึ่งอยู่ในระดับ 0.90-1.20 บาทอย่างชัดเจน เดี๊ยนถึงมองการย่อตัวในระหว่างเทคตัวเป็นการเขย่าหุ้นธรรมดา ๆ หุ้นถึงรูดลงไปเกือบบาท ก่อนจะตีกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.03 บาท ลบไป 0.07 บาท หรือลงไป 6.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 110 ล้านบาทไงล่ะคะ

*สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้นตัวแรงขวัญใจขาลุยอย่าง ZIGA กันสักหน่อย เพราะการทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 9.80 บาท บวกไป 1.60 บาท หรือขึ้นไป 19.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.60 พันล้านบาท มันกลายเป็นเกมที่ดุเดือดยิ่งกว่า “แมนซิตี้” ดวลแข้ง “ลิเวอร์พูล” เมื่อคืนวันอาทิตย์เสียอีก แถมการเล่นเที่ยวนี้ตั้งอยู่บนอนาคตล้วน ๆ บรรดาผู้เล่นจึงต้องอาศัยความบ้าบิ่นมากเป็นพิเศษนะจะบอกให้

*ส่วนคนที่ชอบแบบเนิบ ๆ ไม่โฉ่งฉ่างมากเกินไป “โมนิก้า” ขอให้หุ้นโรงพยาบาลตัวจิ๋วอย่าง IMH มากเป็นพิเศษ เพราะการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 19.60 บาท บวกไป 1.40 บาท หรือขึ้นไป 7.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 180 ล้านบาท ทั้งที่โดนทุบลงมาเป็นรอบที่ 3 ในระยะเวลา 3 เดือน โดยที่ฐานแนวรับ 18 บาทยังทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบ จึงกลายเป็นช็อตที่ต้องมองกันว่า การรุกคืบเข้าไปยังธุรกิจโรงพยาบาลในหลายรูปแบบ สร้างแวลูให้กับตัวหุ้นมากขนาดไหน?..ลองไปคิดกันดูนะจ๊ะ

Back to top button