ซื้อเมื่อคนอื่นกลัว

คำพูดที่ว่า “ซื้อเมื่อคนอื่นกลัว” ยังเป็นวลีทองที่ใช้ได้เสมอในช่วงที่ตลาดหุ้นตกหนัก เพราะสื่อให้เห็นรูปแบบการเล่นที่สามารถทำกำไรระยะสั้นได้ทันที


*คำพูดที่ว่า “ซื้อเมื่อคนอื่นกลัว” ยังเป็นวลีทองที่ใช้ได้เสมอในช่วงที่ตลาดหุ้นตกหนัก เพราะสื่อให้เห็นรูปแบบการเล่นที่สามารถทำกำไรระยะสั้นได้ทันที เพราะอาการกวัดแกว่งตามตลาดหุ้นต่างประเทศจะเกิดถี่ขึ้น หลังฝั่งอเมริกา และฝั่งยุโรปกำลังเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อเล่นงานอย่างหนัก ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเหล่านั้นเกิดอาการชะงักชั่วคราว และตลาดหุ้นจะตกกราวรูดไงล่ะคะ

*ฉะนั้นเมื่อมองย้อนกลับมาที่เศรษฐกิจของประเทศไทยจะเห็นว่า สถานการณ์หลายอย่างเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ แต่อาจไม่ดีเหมือนที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ จึงกลายเป็นประเด็นที่ทำให้นักเล่นสถาบันลังเลใจ และมักขายหุ้นเมื่อตลาดหุ้นต่างประเทศลงแรงประจำ และน้อยครั้งที่จะบวกสวนได้อย่างเร้าใจ “โมนิก้า” ถึงต้องชี้จุดเล่นที่เคยเห็นให้แฟนคลับไปคิดไตร่ตรองก่อนลุยว่า คุ้มเสี่ยงขนาดไหนพะยะค่ะ

*เหมือนกับอาการของดัชนีที่ยืนปิดในระดับ 1,674.34 จุด ลบไป 4.12 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.08 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ช่วงเช้าดิ่งลงไปถึงระดับ 1,669.36 จุด “โมนิก้า” ถึงมองเกมการเล่นเที่ยวนี้ไม่มีอะไรต้องตื่นเต้น เพราะมันเป็นการเล่นหุ้นในช่วงแกว่งตัวลง จึงมีช็อตของการรีบาวด์ให้เห็นตลอดเส้นทาง ผสานกับตลาดหุ้นกำลังให้ความสนใจงบไตรมาส 1 ส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาเล่นเก็งกำไรกันอย่างเมามันนะจะบอกให้

*โดยเฉพาะในรายของเจ้าพ่อทวงหนี้อย่างหุ้น JMT ก็เป็นหุ้นทีเด็ดที่เดี๊ยนชอบเม้าท์ให้ฟังเป็นประจำ เพราะของมันแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งว่า กำไรโตแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ “โมนิก้า” จึงไม่แปลกใจที่นักเล่นหวนกลับมาไล่ราคาหุ้นอีกครั้ง จนพุ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 84.50 บาท บวกไป 4.75 บาท หรือขึ้นไป 5.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.24 พันล้านบาท เพราะยังมีอัพไซด์ให้เล่นกันอีกบานตะไทเจ้าค่ะ

*คล้ายกับการเด้งขึ้นของหุ้นสุดเลิฟอย่าง EA ก็เห็นกันทนโท่ว่า กำไรโตทุกปี และปีนี้ก็จะโตอีก “โมนิก้า” ถึงไม่วอรี่ที่เห็นการทรุดตัวจากข่าวลือ แถมคุณน้อง “อมร” ออกโรงแถลงไขปมข่าวอย่างกระจ่าง แถมพรายกระซิบได้ข้อมูลเด็ดว่า ในชั้นของฎีกาก็เป็นฝ่ายนี้ที่ชนะคดี และทำให้ เจ๊.บ ถือหุ้นจริงแค่ 25 ล้านหุ้น (ตอนนั้นลือกันว่า 760 ล้านหุ้น) ทุกอย่างเลยเอวัง! หุ้นเลยเด้งขึ้นมาปิดที่ 90 บาท บวกไป 3.25 บาท หรือขึ้นไป 3.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.56 พันล้านบาทนะจ๊ะ

*ส่วนดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง WPH กลายเป็นไฮไลท์ที่ขาลุยเม้าท์แตกไม่ขาดสาย เพราะการคัมแบ็คเที่ยวนี้มาแบบจัดเต็ม ทั้งในส่วนที่เป็นพื้นฐานและสัญญาณเทคนิค ล้วนเอื้อให้นักลงทุนเข้ามาเล่นเก็งกำไรแบบสุดซอย ผนวกกับการเทรดวันนี้ยังอยู่บน PE 9 เท่า จึงทำให้ราคาปิดที่ระดับ 3.88 บาท บวกไป 0.74 บาท หรือขึ้นไป 23.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 833 ล้านบาท ยังเป็นระดับที่ลุยกันได้อีกหลายยกนะคะ

*ในเมื่อมองหาหุ้นแนวพีอีต่ำ และอยู่ในลู่ทางเติบโต พ่วงด้วยออปชั่นหุ้นต่ำสิบ “โมนิก้า” คงเทใจไปที่หุ้น KAMART ก่อนใครเพื่อน เพราะเป็นหุ้นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสรรพคุณที่กล่าวมาทั้งหมด และการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 5.15 บาท บวกไป 0.53 บาท หรือขึ้นไป 11.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 381 ล้านบาท น่าจะเป็นการเล่นเก็งกำไรล่วงหน้าบางอย่าง เดี๊ยนจึงขอเดาเกมว่า เกี่ยวกับผลงานของบริษัทแน่นอน..เชื่อ หรือ ไม่เชื่อ ก็ลองไปคิดกันดูค่ะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงอดีตดาวดังอย่างหุ้น SAWAD กันสักหน่อย! เพราะตั้งแต่ได้คนใหญ่คนโตที่มาจากแบงก์สีชมพูที่มีนามระบือว่า เฮีย.ช เข้ามาช่วยจัดการเรื่องต่างๆ จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นมีอะไรเป็นโล้เป็นพายสักอย่าง บรรดาขาเผือกเลยสงสัยว่า มือไม่ถึงหรือเปล่า? พร้อมกับจับโยงไปถึงสาเหตุที่ราคาร่วงลงมาปิด 53 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 1.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 526 ล้านบาท มันน่าจะเกี่ยวกัน..ไม่ทางตรง ก็ทางอ้อมนะคะ

*ส่วนรายที่ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ จากการที่จีนล็อกดาวน์ คงมองไปที่หุ้น WICE ก่อนใครเพื่อน เพราะนักเล่นส่วนใหญ่ลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า น่าจะมีเอฟเฟกต์ไม่มากก็น้อย ราคาหุ้นถึงดำดิ่งลงลูกเดียว จากช่วงต้นปีเคยขึ้นไปถึง 25 บาท แต่ล่าสุดราคาหุ้นยืนปิดที่ระดับ 15.30 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 4.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 173 ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จร่วงไป 40% แบบนี้..ตายหยังเขียดเจ้าค่ะ

Back to top button