เดี๋ยวโดนทุบอีก
ทันทีที่เห็นข่าวราคาน้ำมันดีเซลเตรียมขึ้นแบบขั้นบันได “โมนิก้า” ก็รู้ได้ทันทีว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในไตรมาส 2 จะมีปัญหาเรื่องข้าวของแพงอย่างแน่นอน
*ทันทีที่เห็นข่าวราคาน้ำมันดีเซลเตรียมขึ้นแบบขั้นบันได “โมนิก้า” ก็รู้ได้ทันทีว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในไตรมาส 2 จะมีปัญหาเรื่องข้าวของแพงอย่างแน่นอน เพราะน้ำมันดีเซลเป็นต้นทุนหลักของธุรกิจภาคขนส่ง ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ และจะกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะสร้างแรงกดดันให้นักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนะจะบอกให้
*เมื่อนำประเด็นดังกล่าวมารวมกับการร่วงลงของตลาดหุ้นต่างประเทศ และความวุ่นวายของเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ย่อมเป็นสถานการณ์ที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยตกที่นั่งลำบากอีกครั้ง ผนวกกับกำลังซื้อของผู้คนในประเทศก็หดหายลงไปเรื่อย ๆ จึงกลายเป็นปัญหาสองเด้งที่ไม่รู้จะคลี่คลายตอนไหน “โมนิก้า” ถึงมองว่า สัปดาห์นี้หุ้นไทยจะโดนทุบอีกแน่นอน เพราะไม่มีตัวแปรไหนที่ทำให้เชื่อว่า หุ้นไทยจะไปต่อแบบสวย ๆ ไงล่ะคะ
*ฉะนั้นการที่ดัชนีโดนทุบลงไปถึง 1,680.86 จุด ก่อนจะเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,690.59 จุด บวกไป 0.04 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.10 หมื่นล้านบาท มันคือสัญญาณที่บอกให้รู้ว่า แนวต้านสำคัญบริเวณ 1,700 จุดยังเป็นจุดของการ take profit และไม่มีความจำเป็นต้องทำตัวเป็นชาวสวน เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า ฝืนทำไปก็มีแต่เจ็บตัวเปล่า ๆ หรือเม้าท์เป็นภาษาวัยรุ่นสมัยก่อนก็คือ ไลฟ์บอย..อิอิอิ
*คล้ายกับเรื่องเล่าของหุ้น 7UP ก็เป็นเพียง “เหล้าเก่าในขวดใหม่” ไม่มีอะไรต้องตื่นเต้นอีกต่อไป “โมนิก้า” ถึงมองการขึ้นของหุ้นมาปิดที่ระดับ 1.30 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 8.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 842 ล้านบาท น่าจะเป็นเพียงเกมเล่นสั้นเหมือนรอบที่ผ่านมา ผสานกับก่อนหน้านี้ถูกดันขึ้นไปแถว 1.40 บาท ต่อจากนั้นก็ถูกกดลงมาแถว 1.15 บาท เดี๊ยนเลยมองไม่ออกจริง ๆ ว่า จะเอาอะไรมาปั่นกระแสเจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ EE หมดสตอรี่ในการกระชากเรตติ้ง แถมราคาหุ้นในช่วง 2 เดือนครึ่งเปิดกระโดดลงถึงสองครั้งด้วยกัน จากครั้งแรกยืนแถว 1.45 บาท ถัดมาอีกวันกระโดดลงมาเปิดที่ 1.25 บาท ส่วนครั้งที่สองยืนแถว 1.20 บาท ต่อจากนั้นรูดลงมาปิดที่ 1.04 บาท และถัดมาอีกวันกระโดดลงมาปิดที่ 0.90 บาท “โมนิก้า” จึงต้องถามแฟนคลับว่า การยืนปิดที่ระดับ 0.90 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 5.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 188 ล้านบาท ยังจะมีใครกล้าเล่นอีกไหม?
*เม้าท์ถึงเรื่องเสียว ๆ ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงต้องมองไปที่หุ้นประเภทผีลืมหลุมอย่างหุ้น PPPM ขึ้นมาสักหน่อย! เพราะการกระชากขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.36 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 28.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 80 ล้านบาท มันตีความได้อย่างเดียวว่า ธุรกิจเตรียมตัวเทิร์นอะราวด์ และคงมีเรื่องพันธมิตรใหม่ ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของหุ้นที่ติดเครื่องหมาย C กับ NP จึงขอเตือนไว้ก่อนว่า ปีที่แล้วก็ลากขึ้นไปถึงระดับ 0.85 บาท แต่มาปีนี้ถูกทุบลงมาที่ 0.25 บาทนะนายจ๋า!
*คล้ายกับกรณีของหุ้น GRAND พุ่งทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.22 บาท บวกไป 0.02 บาท หรือขึ้นไป 10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 90 ล้านบาท น่าจะเกิดจากความหวังเป็นประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะการพลิกกำไร หลังจากขาดทุนต่อเนื่อง 3 ปี “โมนิก้า” มองเป็นเกมสั้นที่ไม่มีนัยอะไรมากมาย เพราะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาก็ลากโหดกันแบบนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรในก่อไผ่อีกตามเคย แมงเม่าถึงติดดอยกันอื้อซ่า..จำได้บ่!
*ส่วนรายที่น่าจะจบรอบ และไม่น่าจะไปได้ไกลอีกแล้ว ต้องมองไปที่หุ้นเรือจิ๋วอย่าง JUTHA ก่อนใครเพื่อนอีกเช่นกัน เพราะเมื่อดูจากค่าระวางเรือที่ต่ำสุดในรอบ 9 เดือน บวกกับเรื่องของ “ดีมานด์” กับ “ซัพพลาย” เดินมาถึงจุดที่บาลานซ์อย่างเป็นทางการ “โมนิก้า” เลยเชื่อว่า การยืนปิดที่ระดับ 1.24 บาท ลบไป 0.01 บาท หรือลงไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 566 ล้านบาท คือจุดที่นักเล่นต้องเผื่อใจได้แล้วนะคะ
*คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น TAKUNI ก็รับอานิสงส์ราคาก๊าซที่สูงขึ้นเต็ม ๆ จนผลงานในปีที่ผ่านมาโตเท่าตัว และทำให้ราคาหุ้นทะยานขึ้นมาแถว 2 บาท แต่สุดท้ายก็ถอยร่นลงไปลงหลักปักฐานแถว 1.40 บาท ก่อนจะตีกลับขึ้นไปหายอดเดิมอีกครั้ง และทำท่าจะไปต่อแบบสวย ๆ แต่สุดท้ายก็ย่อตัวลงมาอีก จนล่าสุดหุ้นยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 1.87 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 214 ล้านบาทแบบนี้..คุณ ๆ คิดว่า จบรอบไหมล่ะคะ