อยู่ยากแต่ลากยาว

ระหว่างที่ลากยาวไปนี้ คนที่รับเคราะห์คือประชาชน คือเศรษฐกิจปากท้อง ซึ่งต้องอยู่แบบซังกะตาย เพราะไม่มีจุดเปลี่ยน


สื่อพาดหัวข่าว “ตลาดกิมหยงแทบแตก ประยุทธ์เยือนหาดใหญ่ คนใต้เชียร์สู้ ๆ ลุงตู่อยู่ต่อ” แต่อยู่ถึงไหน ถึงอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถึงจบเอเปก หรือครบวาระมีนา 66 แล้วเป็นนายกฯ ต่อ

ไม่มีใครตอบได้ เพราะไม่มีความแน่นอน ไม่มีเสถียรภาพให้มั่นใจ ประยุทธ์แค่ลากถูไปในความผันผวน ทั้งการเมืองเศรษฐกิจ ทั้งโลกทั้งไทย

วันเดียวกับที่ประยุทธ์ล่องใต้ พรรคเศรษฐกิจไทย นำโดย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็เข้าป่ารอยต่อ รดน้ำดำหัว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แสดงพลังกลุ่มอดีต ส.ส.พปชร. ที่ออกจากพรรคเพราะแตกหักประยุทธ์ แต่ยังเคารพรัก “พี่ใหญ่”

ซึ่งก่อนหน้านั้นเพิ่งลาไปต่างประเทศ ไปไหนไม่ทราบ ประธานวิปรัฐบาลเข้าไปพบประวิตรแล้วออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ไปพบทักษิณที่อังกฤษ แต่ต่อมาก็บอกว่าหยอกกันเล่น พูดอย่างนี้ได้หรือ ทำราวกับคลิปแรมโบ้ 15 ล้าน เรื่องแบบนี้อำกันได้ไง

แม้ไม่เชื่อทฤษฎี Conspiracy ละเมอเพ้อพก ป้อมจะพาทักกี้กลับบ้าน แต่อย่างน้อยก็สะท้อนความไม่เป็นเอกภาพ ต่างคนต่างสร้างอำนาจต่อรอง แม้ยังกอดกันต่อหน้า

พรรคพลังประชารัฐแยกเป็นส่วน ๆ คนที่เคียงข้างประยุทธ์เหมือนมีแค่ สุชาติ ชมกลิ่น, ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส่วนก๊วนสามมิตร พวกที่ดูดจากเพื่อไทย รอทิศทางลมไปทางไหนก็ได้ ไม่มีใครมั่นใจว่า สมัยหน้าจะยังมี พปชร.อยู่หรือไม่ เป็นพรรคใหญ่หรือพรรคเล็ก จะเสนอใครเป็นนายกฯ

พรรครวมไทยสร้างชาติที่ว่าจะตั้งมารองรับประยุทธ์ ก็ช็อตไปกับคลิปแรมโบ้ เหลือแต่พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ท่องคาถาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เดินตามหลังประยุทธ์ แต่พูดจริง ๆ เถอะ ถ้าคิดจะเป็น “พรรคฝ่ายขวาในอุดมคติ” ไม่ดูดกวาด ส.ส.ด้วยเงินหรืออำนาจ ไม่ว่าพรรครวมพลังตราพญานาค ไทยภักดี หรือรวมไทยสร้างชาติ ไม่มีทางได้ ส.ส.ถึง 5%

นี่คือยังมองไม่เห็นว่าพรรคไหนจะเสนอชื่อประยุทธ์สมัยหน้า

ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่แค่ พปชร.ที่ปั่นป่วน พรรคร่วมรัฐบาล ปชป.ก็ทำ “นิวโลว์” ไม่หยุด จากคดีปริญญ์ พานิชภักดิ์ ซึ่งจุรินทร์ยอมรับเป็นผู้ผลักดันเข้ามาเป็นรองหัวหน้า จุรินทร์ขอโทษแต่ไม่ลาออก เพราะลาออกเท่ากับไม่รับผิดชอบ หนีปัญหา

เป็นวาทกรรมจุดชนวนให้อดีตรัฐมนตรีลาออกจากสมาชิกพรรค รองหัวหน้าลาออกจากกรรมการบริหาร และ 7 กรรมการบริหารหญิงหวิดลาออก ยังดีที่ล็อบบี้ทัน

นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาเฉพาะหน้า มันสะท้อนความไม่เป็นเอกภาพ และแตกร้าวอย่างลึกล้ำ ปชป.ยุคจุรินทร์-เฉลิมชัย กำลังเปลี่ยนจากพรรคปากเก่งสร้างภาพ ไปเป็น “พรรคบ้านใหญ่” เปลี่ยนผู้สมัคร ส.ส. จากทนาย จากนักตีฝีปาก ไปเป็นนักธุรกิจผู้กว้างขวางในแต่ละจังหวัด

ส.ส.สงขลาภรรยารองหัวหน้าพรรคเพิ่งแจ้งทรัพย์สิน 635 ล้าน สะท้อนภาพชัดว่า หมดยุคลูกแม่ค้าพุงปลาใบมีดโกนสุจริตอนาถาอาศัยบ้านเพื่อนแล้ว

พรรคฝ่ายค้านจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลประมาณเดือน กรกฎาคม โดยหวังจะดึง 30 ส.ส.โหวตสวน คว่ำรัฐบาลให้ได้ ถามว่ามีโอกาสไหม ก็พอมี แต่เชื่อว่ายังลากถูกันต่อไปมากกว่า เพราะประยุทธ์ไม่ได้มาจากประชาธิปไตยปกติ เครือข่ายอำนาจที่หนุนหลังคงไม่ยอมให้พังง่าย ๆ คงจะรอให้พ้นเอเปกแล้วยุบสภา หาทางลงให้ประยุทธ์ แล้วหาจุดต่อรองอำนาจกันใหม่

แต่ระหว่างที่ลากยาวไปนี้ คนที่รับเคราะห์คือประชาชน คือเศรษฐกิจปากท้อง ซึ่งต้องอยู่แบบซังกะตาย เพราะไม่มีจุดเปลี่ยน ไม่มีไอเดียหรือนโยบายใหม่ ๆ ไม่มีเสถียรภาพ ไม่มีความมั่นคงทางการเมือง รัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาล ปั่นป่วนระส่ำระสาย กอดเก้าอี้รอเลือกตั้ง

นั่นคือสถานการณ์ที่คนไทยต้องทนอีกอย่างน้อย  8 เดือน

Back to top button