EFORL ที่ออกจาก ICU
อย่างนี้ หากจะบอกว่า “คนบัญชาที่ดี อาจสู้ท้าฟ้าลิขิตได้” ก็คงไม่ได้ผิดพลาดอะไร เพียงแต่หวังว่าทีมผู้บริหารของ EFORL จะไม่ธาตุไฟแตกเสียก่อนเพราะเห็นกงจักรเป็นดอกบัวเท่านั้น
หลังจากมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ของบริษัท อีฟอร์ แอล เอม จํากัด (มหาชน) หรือ EFORL ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2565 มีมติอนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นของบริษัทโดยการรวม มูลค่าที่ตราไว้ (รวมหุ้น) จากเดิมมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.075 บาท เป็นหุ้นละ 0.75 บาท เพื่อให้เป็นตาม กฎเกณฑ์ราคาพาร์ขั้นต่ำของตลาดหลักทรัพย์ฯ และเพื่อการปรับโครงสร้างทุนให้มีผลตั้งแต่ 12 เมษายนเป็นต้นไป
ผลของการรวบพาร์ใหม่ ทำให้ลดจำนวนหุ้นในตลาดลงไป 10 เท่าและราคาหุ้นที่ซื้อขายในตลาดก็เพิ่มมากกว่าเท่าเล็กน้อย จากหุ้นละ 00.12 บาท เป็น 1.22 บาท เรียกว่าราคาหุ้นไฉไลมากขึ้น ผสมกับผลประกอบการที่กำไรสุทธิเป็นบวกเป็นปีแรก มากถึง 812 ล้านบาท ยังผลให้บุ๊กแวลูกลับมาอยู่ที่ระดับ 0.10 บาท เพิ่มขึ้นจาก 0.01 บาทเมื่อปีก่อนจากผลประกอบการล้วน ๆ ไม่ได้เกิดจากทางบัญชีหรือวิศวกรรมการเงินใด ๆ
แม้จะยังขาดทุนสะสมหลงเหลืออยู่ค่อนข้างสูง ถึงกว่า 2.14 พันล้านบาท ทำให้โอกาสจ่ายปันผลยากต่อไปอีก แต่พ้นจากห้องไอซียูแล้วก็พอใจ ว่าไม่ถึงตาย แต่อาจจะต้องทำกายภาพบำบัดมากเป็นพิเศษตามประสาคนป่วยเรื้อรังมาหลายปี
งานนี้หมอผ่าตัดกิจการที่ไม่มีใบประกอบโรคศิลป์ที่ชื่อ วิชัย ทองแตง รับอานิสงส์ทั้งเงินและกล่องไปเต็ม ๆ หลังจากการเข้าร่วมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เข้าซื้อหุ้นพร้อมกับพันธมิตรในราคาหุ้นละ 0.05 บาทเมื่อ 2 ปีก่อน แล้วเข้ามาจัดทัพเสียใหม่ให้เลิกโครงการขายฝันทั้งหลายทิ้งไปและกลับสู่ความเป็นจริงด้วยการขายเครื่องมือแพทย์เป็นหลัก จนสามารถกลับมาทำกำไรเป็นกอบเป็นกรรม
ผลการดำเนินงานทะลุเป้า เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้จากยอดขายเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโควิด-19 จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องมือทางการแพทย์ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคไวรัสโควิด-19 ซึ่งมียอดขายเพิ่มสูงขึ้นมาก
นอกจากนี้ยังมาจากการส่งมอบเครื่องมือทางการแพทย์ที่ป้อนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนบางส่วนจากในมือ (Backlog) ทั้งหมดรวมกว่า 500 ล้านบาท เช่น เครื่องช่วยหายใจ เครื่องมอนิเตอร์สัญญาณชีพผู้ป่วย (Patient Monitor) เครื่องตรวจสมรรถภาพปอดแบบ Portable เครื่อง Oxygen High Flow ฯลฯ จึงทำให้เชื่อว่าจะผลักดันรายได้ปี 2564 เติบโตมากกว่าเป้าหมาย 2,000 ล้านบาทแน่นอน
การปรับกลยุทธ์มาให้ความสำคัญกับธุรกิจการจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างชัดเจน ตอบโจทย์ได้อย่างดี ส่งผลยอดขายปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโควิด-19 รวมทั้งการร่วมมือกับพันธมิตร ทั้งในประเทศ และต่างประเทศโดยการนำเข้าเครื่องมือทางการแพทย์ในรูปแบบต่าง ๆ เข้ามาจำหน่ายมากขึ้น รวมทั้งมีการตัดบริษัทลูกที่ไม่ทำกำไร หลังจากที่นักลงทุนเคยสูญเสียความเชื่อมั่นมาจากผลกระทบจากบริษัทย่อยในอดีตอย่าง “วุฒิศักดิ์คลินิก”
เป้าหมายของทีมผู้บริหารที่ให้คำมั่นว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าในการขยายธุรกิจทุกรูปแบบในด้านธุรกิจเครื่องมือทางการแพทย์ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง พร้อมรุกธุรกิจเครื่องมือแพทย์ครบวงจร รักษาความเป็นผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ และมีแผนมุ่งสู่เครื่องมือทางการแพทย์ในระบบ Internet of Medical Things ซึ่งเป็น Trend ใหม่ของโลกร่วมกับคู่ค้ายักษ์ใหญ่ในอนาคตอันใกล้นี้
อย่างนี้ หากจะบอกว่า “คนบัญชาที่ดี อาจสู้ท้าฟ้าลิขิตได้” ก็คงไม่ได้ผิดพลาดอะไร
เพียงแต่หวังว่าทีมผู้บริหารของ EFORL จะไม่ธาตุไฟแตกเสียก่อนเพราะเห็นกงจักรเป็นดอกบัวเท่านั้น คนป่วยในอดีตที่เพิ่งออกจากห้อง ICU มาหมาด ๆ น่าจะกลับบ้านได้พร้อมภูมิคุ้มกันที่โดดเด่น
เนื่องจากไม่มีอะไรจะเสียกว่าเมื่อในอดีตอีกแล้ว