ไซด์เวย์ดาวน์
วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องออกมาเม้าท์เรื่องสัญญาณเทคนิคในรูปแบบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี 65 เพื่อทำให้แฟนคลับเข้าใจรูปแบบการเล่นในระยะสั้น และระยะกลาง
*วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องออกมาเม้าท์เรื่องสัญญาณเทคนิคในรูปแบบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี 65 เพื่อทำให้แฟนคลับเข้าใจรูปแบบการเล่นในระยะสั้น และระยะกลาง เพราะแพทเทิร์นการเคลื่อนตัวของดัชนีคล้ายกับก่อนหน้านี้สุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการขยับตัว V-Shape และ W-Shape ก็มีจุดตัดที่กรอบบนบริเวณ 1,700 จุด (มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ทะลุขึ้นไปถึง 1,718 จุด) หรือในบางจังหวะก็ทำได้ดีสุดแค่บริเวณ 1,680 จุดนะจะบอกให้
*ส่วนจุดตัดที่กรอบล่างก็อยู่ที่บริเวณ 1,650 จุด ซึ่งเป็นจุดที่ดัชนีเด้งกลับบ่อยครั้งเหลือเกิน แต่ในขณะเดียวกันก็มีอาการหลังรั่วให้เห็นถึง 2 ครั้ง ซึ่งครั้งแรกเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือน ม.ค. โดยดัชนีไหลลงถึงระดับ 1,617 จุด ส่วนครั้งที่สองเกิดขึ้นในต้นเดือน มี.ค. โดยดัชนีไหลลงไปถึงระดับ 1,580 จุด “โมนิก้า” จึงสังหรณ์ใจว่า การทรุดตัวลงเรื่อย ๆ เที่ยวนี้จะซ้ำรอยกับตอนที่ดัชนีเคยลงหนักน่ะซี
*ยิ่งมองการเคลื่อนตัวของดัชนีในรูปแบบ M-Shape ยิ่งสร้างความสะพรึงให้กับเหล่านักเล่นมากขึ้นเป็นกอง เพราะขาตัว M มันอยู่ตรงบริเวณที่เรียกกันว่า จุดโลว์! “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 1,661.89 จุด ลบไป 7.08 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.67 หมื่นล้านบาท มันส่อแววจะเป็นเหมือนกับที่เกริ่นไว้ขนาดไหน? และจังหวะนี้นักเล่นควรตัดใจขายขาดทุนหรือเปล่า? ลองไปคิดกันดูนะตัวเอง
*รูปแบบของดัชนีเทียบเคียงได้กับหุ้น IVL อย่างชัดเจน แถมหุ้นก็ทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 43.50 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 3.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.81 พันล้านบาท จึงเหมือนเป็นการตอกย้ำให้รู้ว่า หากเที่ยวนี้รักษาฐานแนวรับที่บริเวณ 42 บาทไม่ได้ ก็มีความเป็นไปได้ที่ราคาหุ้นจะไหลลงไปถึง 36 บาท เพราะปัจจัยหลายอย่างบีบให้นักลงทุนสถาบันต้องคายหุ้นออกมาก่อนไงล่ะคะ
*เช่นเดียวกับแรงขายที่ถาโถมเข้าใส่หุ้น BGRIM แบบไม่ยั้ง ล้วนเป็นผลมาจากความกังวลเรื่องต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น อาจกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท จึงกลายเป็นแรงบีบคั้นที่ทำให้นักลงทุนสถาบันขายหุ้นออกมาเป็นระลอก วานนี้จึงเห็นหุ้นลงมาปิดที่ 32 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 244 ล้านบาท ซึ่งลงมาใกล้จุดเด้งครั้งก่อนที่บริเวณ 30 บาทแบบนี้..น่าสนใจมาก ๆ นะตัวเอง
*ส่วนรายที่หมดเสน่ห์อย่างหุ้น BTS ก็กลายเป็นของร้อนที่ไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยว เพราะแค่มองเรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์ของธุรกิจ ก็ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องยากในทันที “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ และการลงมายืนปิดที่ระดับ 8.90 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 1.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 407 ล้านบาท ก็เป็นสัญญาณเตือนที่บอกให้รู้ว่า หุ้นมีโอกาสลงไปหาโลว์เดิมที่บริเวณ 8.30 บาทอีกรอบนะจ๊ะ
*คล้ายคลึงกับสถานการณ์ของหุ้น CPALL ก็ออกอาการยึกยักเหมือนไปต่อไม่ไหว แถมในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาก็แกว่งตัวออกด้านข้างเป็นส่วนใหญ่ “โมนิก้า” เลยไม่แน่ใจว่า รอบนี้จะยืนระยะได้เหมือนกับรอบก่อนหรือเปล่า? เพราะบรรยากาศทางเศรษฐกิจไม่โสภาเอาเสียเลย ซึ่งเป็นแรงกดดันที่ทำให้ราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ 65.50 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 0.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.08 พันล้านบาท แถมกำลังซื้อของผู้คนก็หดตัวอย่างแรง หุ้นไม่ลงหนัก ก็ถือว่าบุญหัวแล้วนะคะ
*รายถัดมาที่ตกอยู่ในสภาวะไซด์เวย์ดาวน์อย่างชัดเจน และตัวธุรกิจกำลังเผชิญกับเศรษฐกิจชะลอตัวเต็ม ๆ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นบัตรเครดิต KTC แบบไม่ลังเลใจ เพราะเมื่อย้อนดูราคาหุ้นในช่วงเดือน ก.พ. อยู่แถว 67 บาท ขณะที่ราคาวานนี้ยืนปิดที่ 57 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 430 ล้านบาท มันเป็นภาพที่บอกให้รู้ว่า จบแล้วค่ะนาย! และถึงเวลาของการพักฟื้น เพื่อรอวันคัมแบ็คเจ้าค่ะ
*สถานการณ์ดังกล่าวคล้ายกับหุ้น OR ก็มีอาการเซื่องซึมเป็นแรมปี แต่ยังดีดตัวขึ้นได้ในบางจังหวะ จึงกลายเป็นหุ้นที่เหมาะต่อการเล่นรอบสั้น ๆ ผนวกกับในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นมักเด้งกลับเมื่อลงมาแตะระดับ 24 บาท “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 24.30 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 0.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 489 ล้านบาท คือจังหวะที่น่าลุ้นเล่นสั้นสำหรับคนใจถึงนะจ๊ะ