เด้งแล้วโดน
การเด้งขึ้นของดัชนีไม่ได้ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกกระดี๊กระด๊าสักเท่าไหร่ เพราะอาการที่แสดงออกมาคือการเด้งสั้น ๆ
*การเด้งขึ้นของดัชนีไม่ได้ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกกระดี๊กระด๊าสักเท่าไหร่ เพราะอาการที่แสดงออกมาคือการเด้งสั้น ๆ เหมือนที่เดี๊ยนเม้าท์ให้ฟังเมื่อวันก่อน ผนวกกับตลาดหุ้นต่างประเทศเปิดเขียวกันเป็นส่วนใหญ่ ตลาดหุ้นไทยเลยได้รับอานิสงส์จากสถานการณ์ดังกล่าวเต็ม ๆ จึงกลายเป็นช็อตที่ต้องทำความเข้าใจตั้งแต่ต้น เพราะปัจจัยรอบด้านยังไม่เอื้อให้หุ้นไทยไปแรง ๆ ไงล่ะคะ
*ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้เดี๊ยนมองการขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,667.74 จุด บวกไป 5.85 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.92 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นจังหวะของการตามกระแสมากกว่า ผนวกกับพฤติกรรมของกองทุนยังเป็นลักษณะ “ดันแล้วสาด” จึงกลายเป็นเกมวัดความไวแบบเต็มตัว “โมนิก้า” ถึงพยายามให้แฟนคลับมองเรื่องราวต่างไปทีละสเต็ปว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องภาวะสงครามจริงเหรอ?
*รวมทั้งผลประกอบการไตรมาส 1 ที่ทยอยประกาศออกมาเป็นที่น่าพอใจไหม? ล้วนเป็นตัวแปรที่ทำให้ “โมนิก้า” เกิดความลังเลใจที่จะเชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยกลับทิศ? เพราะถ้าอิงกับเรื่องสัญญาณเทคนิคที่เคยเม้าท์มอยเมื่อวันก่อน โมเมนตัมของตลาดหุ้นยังอยู่ในลักษณะแกว่งตัว “ขึ้น ๆ ลง ๆ” พร้อมกับเปิดจังหวะให้นักลงทุนเข้ามาเล่นรอบเหมือนเช่นที่ผ่านมา จึงคาดหวังอะไรได้ไม่มากก็เท่านั้นเองนะจ๊ะ
*คล้ายกับสถานการณ์ของแบงก์สีเขียวอย่าง KBANK โชว์ฟอร์มดีมาตั้งแต่เดือน ธ.ค. 65 ต่อเนื่องถึงช่วงกลางเดือน ก.พ. 65 แต่หลังจากนั้นก็โดนทุบลงมาจากระดับ 170 บาท จนลงมากองอยู่ที่ฐาน 150 บาทสักพักหนึ่ง ก่อนจะเด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 153.50 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 1.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.45 พันล้านบาท ก็คงทำได้แค่ลุ้นให้เด้งขึ้นไปทดสอบ 160 บาทกระมัง!
*เม้าท์ถึงเรื่องที่ต้องลุ้นกันทั้งที “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นถ่านหินอย่าง BANPU กันสักหน่อย เพราะดูจากผลงานก็สุดแสนประทับใจ และหุ้นมีโอกาสไปต่อสวย ๆ แต่บ่อยครั้งกลับไม่เป็นเหมือนที่คิด เพราะโดนดักขายกลางทางเป็นประจำ จึงต้องลุ้นว่า เที่ยวนี้จะวิ่งทะลุยอดเดิมที่เคยทำไว้แถว 12.80 บาทหรือเปล่า? หลังหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 12.20 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 5.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.33 พันล้านบาท ท่ามกลาง PE 8 เท่านะนายจ๋า!
*ส่วนรายที่ทรงดูดีกว่าใครเพื่อน คงเล็งเป้าไปที่น้องมิ้น MINT เพื่อชี้ให้เห็นการทะยานขึ้นต่อเนื่อง ล้วนเป็นผลมาจากการเปิดประเทศเป็นประเด็นสำคัญ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินราคาหุ้นในช่วงต้นเดือน มี.ค. อยู่ที่ 27 บาท แต่พอถึงปลาย เม.ย. ขึ้นมาปิดที่ระดับ 36 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 876 ล้านบาท ท่ามกลางความหวังพลิกกำไรเป็นธงนำแบบนี้..น่าเล่นขนาดไหนเจ้าค่ะ
*สถานการณ์ข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” เลือกที่จะเม้าท์ถึงหุ้น PTG เป็นรายถัดมาในทันที เพราะราคาน้ำมันปามล์ที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง น่าจะส่งผลดีต่อปาล์มคอมเพล็กซ์อย่างมีนัยสำคัญ ผสานกับมีแผนเอาเข้าตลาดหุ้นภายในปลายปี เดี๊ยนเลยเชื่อว่า ตัวแม่จะมีแวลูเพิ่มอย่างแน่นอน และการขึ้นมาปิดที่ระดับ 14.50 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 5.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 784 ล้านบาท คือจุดที่ลงทุนระยะยาวได้สบาย ๆ เพราะของมันแบเบอร์ให้เห็นเต็มสองลูกตาน่ะซี
*ตรงกันข้ามกับในรายของ AS อย่างสิ้นเชิง เพราะสถานการณ์ของธุรกิจเกมอยู่ในช่วงสโลว์ดาวน์ จนมีเสียงร่ำลือในหมู่นักเล่นว่า กำไรปีนี้ส่อแววลดฮวบ! บรรดานักเล่นถึงโยนหุ้นทิ้งร่วมเดือน (ทำไฮไว้ที่ 27.50 บาท) แต่มาโดนหนักจริง ๆ ก็ในช่วง 3 วันนี่แหละ! วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 18.20 บาท ลบไป 1.70 บาท หรือลงไป 8.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 802 ล้านบาท และมีแนวโน้มทรุดลงอีกนะจะบอกให้
*ส่วนรายที่ออกอาการตื้อ ๆ ตัน ๆ เหมือนไปต่อไม่ไหวอย่าง DOHOME ก็เป็นช็อตที่มีเรื่องให้คิดหนักเหมือนกัน เพราะการทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 20.20 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 3.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 281 ล้านบาท ท่ามกลางหุ้นอยู่ในทิศทางที่ลงต่อ กลายเป็นจุดที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันไปมองฐานหุ้นที่อยู่บริเวณ 18 บาทในทันที เพราะมันเป็นจุดที่เซฟสุดในตอนนี้ไงล่ะคะ