CK มั่นใจรายได้ปีนี้โต 30% ตุน “แบ็คล็อก” แสนลบ. จ่อรับงานประมูลบิ๊กโปรเจคเพิ่ม

CK คาดรายได้ปี 65 โต 30% หวังดัน “แบ็คล็อก” แตะ 1 แสนลบ. คาดรับงานประมูลภาครัฐโครงการใหญ่ เริ่มทยอยรับรู้รายได้ปีนี้


นางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่า บริษัทประมาณการรายได้ปี 2565 อยู่ที่ 18,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 14,419 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโต 30% โดยบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ณ สิ้นปี 64 อยู่ที่ 45,419 ล้านบาท หลังจากช่วงปลายปีได้งานรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 2 สัญญา รวมมูลค่าโครงการ 22,811 ล้านบาท (ปี 2564-2570) ซึ่งจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้

โดยบริษัทยังคาดหวังว่า Backlog ในปีนี้จะกลับมาแตะระดับ 1 แสนล้านบาท หลังจากในปี 2564 เริ่มเห็นงานประมูลใหม่ออกมามากขึ้น ทำให้ Backlog ปลายปีสูงขึ้นมาเป็น 4.5 หมื่นล้านบาท จากปี 2563 ที่มี 3 หมื่นล้านบาท ถือเป็นสัญญาณบวก และในไตรมาส 1/2565 ได้รับงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฏร์บูรณะ 2 สัญญารวมมูลค่า 18,149 ล้านบาท

“สำหรับปีนี้ก็มั่นใจว่าจะมี Backlog แตะ 1 แสนล้านบาทได้ และจะมีเพิ่มขึ้นในปีต่อๆไป น่าจะเป็นมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา 50 ปี และยังคาดว่าบริษัทจะมีความชัดเจนในการรับงานโรงไฟฟ้าหลวงพระบางภายในปีนี้ มูลค่างานโครงการใกล้เคียงกับโครงการโรงไฟฟ้าไซยะบุรี” นางสาวสุภามาส กล่าว

ส่วนในปีนี้คาดว่างานภาครัฐจะมีออกประมูลมากกว่า 5 แสนล้านบาท ซึ่งบริษัทมีความพร้อม และมั่นใจที่จะเข้าประมูล โดยเฉพาะงานระบบรางที่บริษัทมีความถนัดและมีศักยภาพ ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก มูลค่า 1 แสนล้านบาท, ส่วนต่อขยายรถไฟชานเมืองสายสีแดง 4 เส้นทาง มูลค่า 6.5 หมื่นล้านบาท, รถไฟทางคู่ ระยะ 2, โครงการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และโครงการขยายท่าอากาศยานดอนเมืองเฟส 3 รวมถึงมอเตอร์เวย์หลายเส้นทาง

ทั้งนี้ บริษัทมีโอกาสชนะงานประมูลในงานระบบรางใต้ดิน 30-40% ซึ่งเป็นงานที่มีลักษณะความยากและมีคู่แข่งไม่มาก ส่วนงานระบบรางยกระดับก็คาดว่าจะมีโอกาสชนะราว 25% ส่วนงานรถไฟทางคู่ หรืองานถนน มีโอกาสชนะน้อยลง เพราะมีบริษัทเข้ามาแข่งขันกันมากขึ้น ส่วนงานระบบราง ช.การช่างมีความถนัด และเป็นงานที่มีอัตรากำไรขั้นต้นดี ก็น่าจะทำให้บริษัทได้กำไรดี  นางสาวสุภามาส กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าปีนี้จะมีอัตรากำไรขั้นต้น 7-10% โดยงานใหม่ที่เพิ่งได้รับอาทิงานรถไฟทางคู่ และงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงก็เป็นงานที่สามารถรักษามาร์จิ้นได้ดี

สำหรับราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวเพิ่มขึ้นจากผลกระทบสงครามรัสเซียและยูเครน และการระบาดโควิด-19 ทำให้มีปัญหาซัพพลายเชนนั้น บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการได้ เพราะงานก่อสร้างของบริษัทมีระยะยาว 4-6 ปี หรืออาจ 7-8 ปี โดยงานรถไฟทางคู่ และสายสีม่วงที่เพิ่งรับงานก็ยังมีระยะเวลานานถึงปี 2570 เชื่อว่าจะมีระยะเวลาพอเพียงบริหารจัดการต้นทุนได้ โดยมีบางส่วนที่เจรจาของราคาเดิมไว้ก่อน นอกจากนี้งานภาครัฐก็ยังมีค่า K มาชดเชยต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม งานโครงการใหญ่ที่ผ่านมาเริ่มทยอยเสร็จในช่วง 1-2 ปีนี้ต้นทุนวัสดุก่อสร้างก็ไม่มีผลกระทบ ส่วนงานที่อยู่ในเมืองอื่นก็ยังใช้เหล็กไม่มาก ส่วนงานใหม่ที่กำลังเข้าประมูลก็จะมีราคาสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยสรุปแล้วบริษัทจะใช้หลายๆวิธีที่จะพยายาม รักษามาร์จิ้นให้ได้ดี

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ 6.1 พันล้านบาท ที่เพิ่งผ่านขั้นตอน Book Bulid เมื่อ 22 เมษายนที่ผ่านมา มีความต้องการล้นหลาม โดยจะนำไปทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมในไตรมาส 2-3 และนำไปใช้เป็นเงินลงทุนรองรับงานใหม่ โดยบริษัทยังไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน นางสาวสุภามาส กล่าว

Back to top button