“ธนารักษ์” รับลูกตั้ง กก.สอบ “ท่อส่งน้ำอีอีซี” – แจ้งความไลน์หลุด
กรมธนารักษ์ เตรียมเสนอ รมว.คลัง ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความโปร่งใสการประกวดราคาโครงการท่อส่งน้ำสายภาคตะวันออก พร้อมเดินหน้าแจ้งความปมไลน์หลุด ฐานความผิดขัดขวางการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ พร้อมย้ำการเซ็นสัญญาล่าช้า ทำให้เม็ดเงินเข้ารัฐหาย 1.5 พันล้านบาท
นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้กระทรวงการคลังตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความโปร่งใสการประมูลโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (EEC) นั้น วันนี้กรมธนารักษ์เตรียมเสนอนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จัดตั้งคณะกรรมการดังกล่าว เพื่อดำเนินการตามนโยบายให้เร็วที่สุด และลดความคลางแคลงใจของสาธารณชน ซึ่งกรมธนารักษ์มีความมั่นใจว่าขั้นตอนการดำเนินการเปิดประมูลมีความโปร่งใสแน่นอน
สำหรับคณะกรรมการชุดดังกล่าว จะเข้ามาตรวจสอบการดำเนินการทางเอกสาร ธุรการทั้งหมด ซึ่งกรมธนารักษ์มีข้อมูลเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว และลงพื้นที่ไปตรวจสอบการดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกด้วย เนื่องจากมีประเด็นเรื่องไลน์หลุด จึงต้องไปตรวจสอบว่า มีการกระทำอย่างนี้จริงหรือไม่ รวมถึงการตรวจสอบระบบท่อทั้งหมดที่จะเตรียมการในการส่งมอบว่ามีจุดใดบ้างที่หากลงนามในสัญญากับคู่สัญญารายใหม่แล้ว จะไม่มีปัญหาในการดำเนินงาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหากับผู้บริโภค หรือผู้ใช้น้ำโดยเด็ดขาด
ส่วนกรณีเรื่องตรวจสอบรายได้ย้อนหลังของบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำ ภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW นั้น นายประภาศ ชี้แจงว่า ถือเป็นการดำเนินการโดยทั่วไป เพราะทุกครั้งที่มีการยื่นการนำส่งรายได้มา ก็มีการตรวจสอบทุกครั้ง แต่อาจจะยังไม่ครบถ้วน ดังนั้น จึงจะเข้าไปตรวจสอบอีกครั้งว่าปริมาณน้ำที่ยื่นเข้ามาถูกต้องหรือไม่ กับวงเงินที่นำส่งรายได้
ขณะที่กรณีเรื่องไลน์หลุดที่อ้างว่าเป็นการสั่งงานของผู้บริหาร EASTW มีใจความลักษณะที่ว่า ไม่ให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่กรมธนารักษ์ในการเข้าสำรวจพื้นที่ท่อส่งน้ำอีอีซี เช่น ได้สั่ง รปภ.ให้เข้มงวดในการเข้าพื้นที่โดนไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้า สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำงานที่บ้านไม่ต้องเข้าพื้นที่เพื่อไม่ต้องมีคนให้ข้อมูล และสั่งให้ล็อกประตูสถานีสูบน้ำ อาคาร ไฟฟ้าทั้งหมดนั้น นายประภาศ ระบุว่า จะต้องดูว่าข้อความที่ส่งมานั้น เข้าลักษณะเป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ตามมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 หรือไม่ ซึ่งจะต้องมีการแจ้งความดำเนินคดีในเรื่องดังกล่าวนี้แน่นอน เพราะกรมธนารักษ์เป็นผู้เสียหาย หากเพิกเฉยและไม่ดำเนินการใด ๆ ก็จะเป็นปัญหา ซึ่งสิ่งที่ทำจะยึดหลักกฎหมายและขอบเขตหน้าที่ของกรมธนารักษ์
สำหรับการเดินหน้าเซ็นสัญญากับ บริษัท วงศ์สยามก่อสร้าง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูล นายประภาศ ระบุว่า กรมธนารักษ์ต้องการจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะความล่าช้าที่เกิดขึ้น ถือเป็นความเสียหาย ที่จะมีเม็ดเงินเข้ารัฐ 1,500 ล้านบาทกับการเซ็นสัญญาในช่วงแรก พร้อมย้ำว่า กรมธนารักษ์ไม่ได้เร่งรีบ เนื่องจากตามกฎหมายระบุไว้ว่า เมื่อคณะกรรมการที่ราชพัสดุเห็นชอบแล้วว่า เอกชนรายใดเป็นผู้ชนะการประมูล กรมธนารักษ์จะต้องมีการเดินหน้าลงนามในสัญญา ซึ่งการลงนามสัญญากับ บริษัท วงศ์สยาม ก่อสร้าง จำกัด สามารถดำเนินการได้เลย เพราะศาลไม่ได้สั่งคุ้มครอง EASTW จึงไม่มีอะไรให้กรมธนารักษ์ต้องหยุดดำเนินการ และหากชะลอดำเนินการก็จะมีความเสี่ยง เพราะถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และถือเป็นการประมาทเลินเล่อ ทำให้ได้รับรายได้เข้ารัฐล่าช้า ซึ่งถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.รับผิดทางละเมิด