หลอกไปดอย
หากพูดกันตามหลักลงทุนที่ทุกคนรู้กันเป็นอย่างดี “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงข้อเท็จจริงที่ว่า “ดอกขึ้น หุ้นลง” ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเป็นประจำในแวดวงตลาดเงินตลาดทุน
*หากพูดกันตามหลักลงทุนที่ทุกคนรู้กันเป็นอย่างดี “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงข้อเท็จจริงที่ว่า “ดอกขึ้น หุ้นลง” ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเป็นประจำในแวดวงตลาดเงินตลาดทุน เดี๊ยนเลยไม่เข้าใจเหตุผลที่หุ้นไทยพยายามฝืนกระแสในเรื่องที่เห็นกันทนโท่ว่า ขืนดันหุ้นแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ก็เข้าทางปืนกองทุนแบบเต็มข้อ จึงขอเตือนด้วยความหวังดีตั้งแต่เนิ่น ๆ เดี๋ยวจะหาว่า ไม่รักกันจริงน่ะซี
*งานนี้จริงเท็จประการใด ก็ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่สิ่งที่เม้าท์ได้เต็มปากเต็มคำก็คือ วานนี้มีการจุดพลุดัชนีขึ้นไปถึงระดับ 1,667.12 จุด แต่สุดท้ายก็แพ้ภัยตัวเอง พร้อมกับยอมถอยลงมาปิดที่ระดับ 1,643.30 จุด ลบไป 8.99 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.74 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเกมหลอกไปดอยเหมือนเช่นครั้งก่อน ๆ (กรุณาอ่านดี ๆ ไม่ได้ไปเขื่อนเหมือนที่กำลังเป็นข่าวใหญ่โต) จึงต้องเผื่อใจสำหรับความผิดหวังด้วยนะคะ
*ที่น่าสนใจคือ หากมองในมุมของสัญญาณเทคนิคแบบเจาะลึกถึงแก่น ทั้งในส่วนของ V-Shape W-Shape และ M-Shape ต่างชี้ไปในทางเดียวกันว่า ตลาดหุ้นไทยกำลังอยู่ในช่วงไซด์เวย์ดาวน์ และมีฐานรอรับด้านล่างอยู่ที่บริเวณ 1,600 จุด โดยมีตัวเร่งที่ทำให้เหตุการณ์ดังกล่าวใกล้เป็นจริงอยู่ที่เรื่องเงินเฟ้อ และผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ไม่ปังอย่างที่คาดหวัง หรือแม้กระทั่งเงินไหลออกก็มีส่วนเช่นกันเจ้าค่ะ
*นอกจากนี้หากมองถึงบรรยากาศทางเศรษฐกิจ และปัจจัยบวกที่เข้ามากระตุ้นความเชื่อมั่น ก็ไม่มีเรื่องไหนที่ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นเลยสักอย่าง “โมนิก้า” ถึงเชื่อเหลือเกินว่า ตลาดหุ้นไทยกำลังเข้าสู่โหมดของการแกว่งตัวรอข่าวดีอย่างเป็นทางการ จึงเห็นอาการรีบาวด์ในระหว่างทางขาลงเป็นช่วง ๆ และเป็นการเปิดช่องให้บรรดาเสือปืนไวเข้ามาเล่นเก็งกำไรกันหลายรอบเท่านั้นเองจ้า!
*สำหรับรายที่โดนจัดหนักไม่เลิกอย่างหุ้น ADVANC ถือเป็นเคสที่ทำให้รู้ว่า เมื่อนักลงทุนกลุ่มสถาบันไม่เล่นเหมือนเมื่อก่อน ราคาหุ้นก็ม่อยกระรอกไม่เป็นท่า และมีแนวโน้มดำดิ่งลงสู่ฐานเก่าที่เปิดแก๊ปไว้ตรงบริเวณ 197 บาทค่อนข้างสูง “โมนิก้า” จึงอยากให้แฟนคลับดูแรงขายให้สะเด็ดน้ำก่อนลุยรอบใหม่ หลังราคาหุ้นเสียทรงอย่างแรงร่วมเดือน จนวานลงมาปิดที่ระดับ 209 บาท ลบไป 3 บาท หรือลงไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.37 พันล้านบาทแล้วน่ะซี
*ในเมื่อเม้าท์ถึงหุ้นที่เสียทรงขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงต้องมองไปที่หุ้น BYD กันสักหน่อย เพราะอาการทรุดตัวต่อเนื่องเป็นเวลาร่วมเดือน มันหมายถึงหมดรอบเล่นอย่างเป็นทางการ ราคาหุ้นถึงไหลจากระดับ 14 บาท ลงมายืนปิดที่ระดับ 8.75 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 12.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 320 ล้านบาทอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นจังหวะของการถอยห่างเพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สิน เพราะบรรยากาศไม่เอื้อให้เล่นต่อพะยะค่ะ
*ส่วนรายที่เหี่ยวเฉาเป็นแรมปีอย่าง STGT ถือเป็นช็อตที่ทุกคนสามารถทำใจ และยอมรับแบบไม่มีข้อโต้แย้ง เพราะธุรกิจผ่านจุดพีคมาแล้วจริง ๆ ที่เหลือต่อจากนี้คงทำได้แค่ประคองตัวเลขกำไรไม่ให้ทรุดหนัก ผนวกกับช่วงหลัง ๆ บรรดาผู้รู้มีมุมมองที่ไม่เป็นบวกกับหุ้น เดี๊ยนถึงมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 22.30 บาท ลบไป 1.70 บาท หรือลงไป 7.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 588 ล้านบาท เสียหายอย่างแรง! หลังหุ้นทำนิวโลว์แล้วน่ะซี
*หุ้นอีกหนึ่งตัวที่มีลักษณะคล้ายกับรายข้างต้น “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นเกมชั้นนำของประเทศอย่าง AS แบบไม่ลังเลใจ เพราะสตอรี่ของหุ้นก็ผ่านจุดพีคมาแล้วเช่นกัน แถมบรรดาเกจิอาจารย์ดังมองเหมือนว่า ราคาตอนนี้ยังไม่น่าเล่น! จึงส่งผลให้ราคาหุ้นทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 16.10 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 5.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 696 ล้านบาทอย่างง่ายดาย เลยต้องลุ้นว่า แนวรับเก่าแถว 15 บาทจะเอาอยู่ไหม?
*ปิดท้ายกันที่หุ้นสุดโหดอย่าง DITTO กันสักหน่อยดีกว่า เพราะหลังจากผ่านพ้นช่วงนาทีทองของการใช้เครื่องมือทางการเงินแบบจัดเต็ม บรรดาขาใหญ่ก็แยกย้ายวงไปตามระเบียบอีกเช่นเคย และปล่อยให้แมงเม่าค้างเติ่งอยู่บนดอยอีกครั้ง “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเกมที่ทุกคนพร้อมเจ็บตัวตลอดเวลา จึงรู้สึกเฉย ๆ เมื่อเห็นราคาหุ้นลงมาปิดที่ 65 บาท ลบไป 10.50 บาท หรือลงไป 13.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 270 ล้านบาทไงล่ะจ๊ะ