น้ำมันท่วมปากรัฐบาล

การออกมา “โยนหินถามทาง” ของกระทรวงพลังงาน..ว่าด้วยการปรับสูตรน้ำมันไบโอดีเซล (อีกครั้ง) จากปัจจุบัน อยู่ที่ B5 ลงมาเหลือ B3 หรือ B2 หลังราคาไบโอดีเซล 100% อยู่ที่ลิตรละ 56 บาท ด้วยเหตุผลที่ว่าการปรับสูตรดังกล่าว จะทำให้ราคาดีเซลถูกลงได้

“การลดสัดส่วนราคาไบโอดีเซล 100% ลงเพียง 1% จะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลลดลง 2-3 บาทต่อลิตร ดังนั้นหากลดจาก B5 เหลือ B3 จะทำให้ราคาดีเซลลดลง 4-6 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันดีเซลทุกชนิดจำหน่ายอยู่ที่ราคา 31.94 บาทต่อลิตร (ยกเว้น ดีเซลเกรดพรีเมียมราคาขายอยู่ที่ 35-37 บาทต่อลิตร)”

นั่นถือเป็นสัญญาณยอมรับว่า “เอาไม่อยู่” แล้วจริง ๆ มีการปรับขึ้นราคาน้ำมันไบโอดีเซลมาอยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร แต่ด้วยภาระกองทุนน้ำมัน ที่ต้องอุ้มลิตรละ 10.95 บาท ทำให้สัปดาห์นี้ต้องปรับขึ้นอีกอย่างน้อยลิตรละ 1 บาท

หากเข้าไปดูสถานะกองทุนน้ำมันล่าสุด..ที่ติดลบ 60,000 ล้านบาท มีความเป็นได้ที่ราคาไบโอดีเซลจะขึ้นไปยืนเหนือระดับ 35 บาทต่อลิตร..หรืออาจไปไกลถึงระดับ 40 บาทก็เป็นไปได้.

นี่ยังไม่รวมเงื่อนไขเส้นตาย 20 พ.ค. 65 ที่จะหมดอายุโปรโมชั่น “ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลิตร 3 บาท” จากกระทรวงการคลัง ว่าจะต่อโปรโมชั่นให้อีกรอบหรือไม่.!? และด้วยเงื่อนไขเรื่อง “สภาพคล่องเงินคงคลัง” การต่อโปรโมชั่นมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย..หรืออย่างดีสุดอาจลดได้แค่ 1-2 บาทต่อลิตรเท่านั้น

ปมปัญหา “น้ำมันท่วมปากรัฐบาล” อยู่ที่ว่า 4 กระทรวง จาก 3 พรรคในรัฐบาล จะลดราวาศอกทางการเมือง เพื่อแก้ปัญหากันได้อย่างไร..เริ่มจากกระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลัง ภายใต้พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กระทรวงคมนาคม ภายใต้พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)

กรณีกระทรวงพลังงาน เสนอปรับลดสูตรไบโอดีเซลจาก B5 เหลือ B2 หรือ B3 นั่นหมายถึงลดการเติมไบโอดีเซล 100% ลงเหลือแค่ 2-3% จากปัจจุบัน 5% คำถามคือปชป. (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ที่มีฐานคะแนนเสียงจากชาวสวนปาล์ม..จะยอมหรือไม่..!?

หากจะต่ออายุการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน 3 บาทออกไปอีก พรรคพปชร. (กระทรวงการคลัง) คงทำใจลำบาก เพราะทำให้กระเป๋าเงินคลังฉีกหนักมากยิ่งขึ้น และกระทบนโยบายประชานิยมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่อพปชร.และปชป.ต่างไม่มีใครยอมใคร..นั่นหมายถึงราคาน้ำมันไบโอดีเซล มีโอกาสปรับขึ้นเกินลิตรละ 35 บาท หรืออาจได้เห็นถึงลิตร 40 บาท..

เรื่องนี้ภูมิใจไทย (กระทรวงคมนาคม) ยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะนั่นหมายถึงบรรดาสิงห์รถบรรทุกในสังกัดจะออกมาขู่ปรับขึ้นค่าขนส่งสินค้าทันที ดังเช่นที่สมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน ที่นำโดย “บุรีรัมย์พนมรุ้งขนส่ง” ออกมาแสดงจุดยืนขึ้นค่าขนส่ง 20% ช่วงปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา

ดูแล้วการแก้ปัญหาราคาน้ำมันรอบนี้..หนีไม่พ้นเป็นกงเกวียนกำเกวียน การ “แก้ปัญหาเพื่อสร้างปัญหาใหม่” อีกเช่นเคย..!!