SCC วางงบลงทุนปีนี้ 8 หมื่นลบ. แย้ม Q2 “ธุรกิจเคมิคอลล์-ซีเมนต์” ดีมานด์ฟื้นตัว
SCC วางงบลงทุนปีนี้ 6.5-8.5 หมื่นลบ. ส่งซิกไตรมาส 2 “ธุรกิจเคมิคอลล์-ซีเมนต์” ดีมานด์ฟื้นตัว ปรับราคาขายตามต้นทุน
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่และดูแลงานการเงินและการลงทุน บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 10 พ.ค.2565 ว่า ภาพรวมธุรกิจหลักในไตรมาส 2/2565 คาดว่าธุรกิจเคมิคอลล์ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทย่อย บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC ความต้องการ Polyolefin นอกเหนือจากจีนยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ขณะที่ในแง่ของซัพพลาย ผู้ผลิตหลายรายหยุดการผลิตเนื่องจากราคาวัตถุดิบผันผวนและการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ในประเทศจีนถูกเลื่อนออกไป
ส่วนความต้องการ PVC คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากกิจกรรมการก่อสร้างหลังผ่านพ้นฤดูหนาวและการคลายล็อกดาวน์
สำหรับต้นทุนพลังงาน คาดราคาน้ำมันดิบยังคงผันผวนต่อเนื่อง จากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อ และการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปที่รุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น บริษัทก็จะมีการปรับราคาขายขึ้นตาม เพื่อให้เป็นไปตามกลไกของตลาด ขณะเดียวกันก็จะให้ความสำคัญกับการเพิ่มอัตรากำไรด้วย
ด้านธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (CBM) อุปสงค์ในไตรมาส 2/2565 คาดว่าจะดีขึ้น จากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและภูมิภาคที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอาจทำให้กำลังซื้อลดลง โดยผู้บริโภคบางรายชะลอการซื้อ ซึ่งภาครัฐจะยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักประเทศ
ส่วนความต้องการปูนซีเมนต์ในภาคที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรมก็ทยอยฟื้นตัว, ธุรกิจค้าปลีกคาดฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง จากความต้องการปรับปรุงและตกแต่งบ้าน
อย่างไรก็ตาม การบริหารต้นทุนพลังงานนั้น การลดการใช้ถ่านหินยังเป็นข้อได้เปรียบในระยะยาว โดยบริษัทตั้งเป้าผลักดันการใช้เชื้อเพลิงทางเลือกเพิ่มขึ้นเป็น 50% ในปลายปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 30% ผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการปรับปรุงการผลิตซีเมนต์ อย่าง Chloride Bypass, External combustor, AF burner เป็นต้น ซึ่งช่วยให้สามารถใช้ต้นทุนทางเลือกแทนถ่านหินได้สูงถึง 40-50%
ทั้งนี้บริษัทยังคงงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 65,000-85,000 ล้านบาท โดยหลักๆ จะใช้ลงทุนในโครงการ Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP 1) ประเทศเวียดนาม คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในครึ่งปีแรกของปี 2566 จากปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว 93% ส่วนที่เหลือเตรียมไว้สำหรับการลงทุนใหม่ๆ โดยล่าสุด ได้เข้าซื้อกิจการในสัดส่วน 70% ใน Sirplaste-Sociedade Industrial de Recuperados de Plástico, S.A. (Sirplaste) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง (Recycled Polymers or Post-Consumer Resin – PCR) รายใหญ่ที่สุดในประเทศโปรตุเกส
โดยหลังจากการลงทุนดังกล่าวบริษัทก็จะเข้าไปดำเนินการขยายกำลังการผลิตอีก 25% เนื่องจากกำลังการผลิตปัจจุบันมีไม่เพียงพอต่อความต้องการสินค้าในยุโรป ที่คาดมีความต้องการมากถึง 3.70 ล้านตันต่อปี และเติบโตระดับ 10% ต่อไป ในอีก 5 ปีข้างหน้า
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1 บริษัทมีกำไร 8.84 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 40.70% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 1.49 หมื่นล้านบาท สาเหตุหลักจากต้นทุนวัตถุดิบของธุรกิจเคมิคอลส์ปรับตัวสูงขึ้น