ข่าวดีแอลทีเอฟลูบคมตลาดทุน
ลุ้นกันอยู่พักใหญ่กันเลยล่ะ
ธนะชัย ณ นคร
ลุ้นกันอยู่พักใหญ่กันเลยล่ะ
สำหรับการยืดระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF นั่นแหละ
เดิมนั้น จะสิ้นสุดการลดหย่อนภายในปี 2559
ทำให้ทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต้องเดิมเกมเต็มที่
เดินสายแจงข้อมูลกับกระทรวงการคลัง โดยเฉพาะกรมสรรพากร
เพราะช่วงที่ผ่านมากำลังหน้ามืด ชักหน้าไม่ค่อยจะถึงหลัง เก็บภาษีได้อืด เลยพยายามเสนอลดการยกเว้นภาษีต่างๆ หรือไม่ต่ออายุให้ โดยเฉพาะแอลทีเอฟ
ผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับการเลิกสิทธิลดหย่อนภาษีแอลทีเอฟ ถือว่าได้มากกว่าเสีย
ทั้งเรื่องของการส่งเสริมการออมระยะยาว
ตลาดหุ้นนี่รับผลกระทบเต็มๆ เพราะมีเม็ดเงินเข้าลงทุนในตลาดหุ้นอยู่นับแสนๆ ล้านบาท
หรือสรุปง่ายๆ ว่า หากมีการยกเลิกจริงๆ ประเทศไทยก็อาจจะเสียมากกว่าได้
ส่วนที่มีการบอก หรือที่หน่วยงานภาครัฐกล่าวอ้างว่า เป็นการช่วยเหลือคนมีเงิน ซึ่งข้อมูลตรงนี้ก็ไม่ได้ถูกต้อง
เพราะจริงแล้วคนที่กองทุน LTF มีทุกลำดับชั้นครับ
ประเด็นที่น่าสนใจของการยืดเวลาของกองทุนแอลทีเอฟ ก็คือ ให้ขยายเวลาออกไปอีก 3 ปีหรือถึงปี 2562
ซึ่งเหตุผลที่มีการแถลงข่าวหลังการประชุมครม. ก็บอกกันแบบตรงๆ เลยว่า ไม่อยากให้กระทบกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์นั่นแหละ
มีอีกประเด็นที่น่าสนใจครับ
นั่นคือการขยายระยะเวลาการถือครองจาก 5 ปี เป็น 7 ปี
หากมองแบบนี้ก็ดูเหมือนว่า ใครที่ซื้อกองทุนแอลทีเอฟ ก็ต้องถือให้ยาวขึ้นใช่ไหม
คำตอบก็คือ ไม่ใช่ทั้งหมด
เพราะเดิมนั้น เขากำหนดว่าต้องถือ 5 ปี แต่เป็นปีปฏิทิน ไม่ได้ใช้วิธีนับจำนวนวัน และนั่นทำให้คนเลือกที่จะไปซื้อกองทุนแอลทีเอฟกันในช่วงปลายปี
เพราะไม่ว่าจะซื้อในช่วงไหนของปีก็จะนับเป็น 1 ปี
เช่น หากซื้อแอลทีเอฟในปลายปี 2558 และไปขายในช่วงต้นปี 2562 หากนับแบบนี้ ก็ถือว่าถือครบ 5 ปี เพราะเขานับตามปีปฏิทิน
ข้อเสนอที่มีการเสนอเข้ามาให้คือ ให้นับเป็นจำนวนวัน
หากเอา 365 วัน คูณกับ 5 ปี ก็เท่ากับ 1,825 วัน หรือประมาณ 5 ปีเต็มพอดี
ส่วนของใหม่นั้น เข้าใจว่า เขาต้องการแก้ปัญหาตรงนี้จุดนี้ เพื่อต้องการให้คนถือ 5 ปีเต็มๆ ก็เลยขยายระยะเวลาออกไปเป็น 7 ปี เพราะหากเราซื้อปลายปี 2558 และไปขายในต้นปี 2564 ก็จะนับได้ที่ 5 ปีพอดีๆ
ไม่ต้องมานั่งนับวันกันให้ยุ่งยาก
ส่วนที่น่าแปลกใจคือ ในส่วนของกองทุน RMF นั้น กลับไม่ได้มีการยืดระยะเวลาให้
เลยทำให้คาดการณ์กันว่า คนก็น่าจะหันมาซื้อกองทุนแอลทีเอฟที่ลงทุนในตลาดหุ้น 100% กันมากขึ้น และน่าจะช่วยเพิ่มเม็ดเงินหรือมูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นเพิ่มอีก
กองทุนแอลทีเอฟนั้น แม้จะมีความเสี่ยง
แต่หากเทียบกับสิทธิที่ได้รับการลดหย่อนภาษี ซึ่งหลายคนก็บอกว่ามันคุ้ม
เพราะแอลทีเอฟ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า เป็นการลงทุนระยะยาว และยิ่งเป็นการถือเกินกว่า 5 ปีขึ้นไป ซึ่งกองทุนส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกเกือบทั้งนั้นครับ
บางกองทุนผลตอบแทนขึ้นหลัก 14-15%
ส่วนตัวผมว่า ไม่เลวนะ และหากนำส่วนที่ได้ลดหย่อนภาษีมารวมด้วย ก็เท่ากับว่า ได้เยอะเลย
ในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปี 2558 ผู้จัดการกองทุนต่างคาดกันว่า จะมีเงินไหลเข้าแอลทีเอฟ และอาร์เอ็มเอฟอีกกว่า 2-3 หมื่นล้านบาท
และน่าจะดันให้ตัวเลขทั้งปีนี้ มีเงินไหลเข้าจาก 2 กองทุนนี้กว่า 6 หมื่นล้านบาท