ICHI ร่วง 12% นลท.เทขาย หลังผิดหวังงบ Q1 ต่ำกว่าคาด
ICHI ร่วง 12% นลท.เทขาย หลังงบไตรมาส 1/65 กำไรเพียง 103 ลบ. ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการร์ไว้อยู่ที่ 130 ลบ. เหตุยอดขายต่างประเทศลดลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (12 พ.ค. 2565) ราคาหุ้น บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI ณ เวลา 10:44 น. อยู่ที่ระดับ 9.10 บาท ลบไป 1.20 บาท หรือลงไป 11.65% โดยทำจุดสูงสุดที่ 9.75 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 9 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 283.30 ล้านบาท
บริษัทรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2565 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 103.93 ล้านบาท ลดลง 14.52% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 121.58 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเกิดจากยอดขายจากต่างประเทศลดลง 23% จากผลกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า
ทั้งนี้จากผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2565 ออกมาปรากฏว่า ต่ำกว่าที่ทางบล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินไว้ก่อนหน้าว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 130 ล้านบาท ลดลง 2.3% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 6.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อนคาดว่ารายได้ส่งออกยังอ่อนตัวลง และเริ่มถูกกระทบจากต้นทุนเม็ดพลาสติกที่ปรับตัวสูงขึ้น สัดส่วนต้นทุน Preform ราว 20% ของต้นทุนทั้งหมด
อย่างไรก็ตามแต่ประเมินแนวโน้มกำไร 2 ปี 2565 จะดีต่อเนื่อง เพราะเป็น High Season ของธุรกิจ, จะรับรู้รายได้ เครื่องดื่มไบเล่เต็มไตรมาส และมีแผนออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง ได้แก่ สินค้าใหม่ที่จะมี การ Collaborate ร่วมกับบริษัทอาหารแห่งหนึ่ง, CBD Drink และ Carbonate Drink รวมถึงคาดเริ่มเห็นรายได้จากลูกค้า OEM ราว 2-3 ราย ในช่วง 3Q22-4Q22 ทั้งนี้ บริษัทยังตั้งเป้ารายได้ปี 2565 เติบโต 24% จากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 6.5 พันลบ. อย่างไรก็ตามยังมุมมองระมัดระวังต่อแนวโน้มต้นทุนในตครึ่งหลังของปี 2565 หากราคา Preform ยังปรับขึ้น
นอกจากนี้ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ไว้ที่ 645 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ด้วยสมมติฐาน รายได้เพิ่มขึ้น 14.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน Conservative มากกว่าเป้าหมายของผู้บริหาร แม้เริ่มเห็น Downside ของอัตราก าไรขั้นต้นที่ถูกกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น แต่บริษัทได้เน้น ควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อหักล้างผลกระทบดังกล่าว จึงคาด Operating Margin จะอยู่ที่ 11.3% ทรงตัวใกล้เคียงปี 2564 ที่ทำได้ 11.2% ขณะที่เห็น Upside จากส่วนแบ่ง กำไรบริษัทร่วมที่อาจสูงกว่าคาดถึง 30% ทั้งนี้ยังคงราคาเป้าหมายที่ 13 บาท (อิง PE เดิม 25 เท่า)