หอการค้าไทย-ซาอุฯ จับมือสร้างโอกาส 5 ด้าน รุก ”ค้าขาย-ท่องเที่ยว” 2 ประเทศ

หอการค้าไทย นำตัวแทนบริษัทชั้นนำ Saudi-Thai Investment Forum  สร้างโอกาสทางการค้า 5 ด้านทั้งการค้าขาย การลงทุน การ ท่องเที่ยว พร้อมเห็นร่วมเปิดเจรจา FTA ระหว่าง 2 ประเทศ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการลงทุน ซาอุดีอาระเบีย เป็นเจ้าภาพจัดงาน Saudi-Thai Investment Forum โดยกระทรวงการต่างประเทศของไทย ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำคณะผู้แทนภาคเอกชนจากบริษัทชั้นนำของไทยเข้าร่วมงาน เพื่อเชื่อมโอกาสด้านการค้าและการลงทุนในสาขาธุรกิจเด่น ทั้งกลุ่มพลังงาน กลุ่มเคมีภัณฑ์ กลุ่มเกษตรและอาหาร กลุ่มท่องเที่ยวและบริการเพื่อสุขภาพ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มค้าปลีก กลุ่มรถยนต์ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ และ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น ซึ่งมีบริษัทซาอุดีอาระเบียสนใจเข้าร่วมกิจกรรม Business matching รวมมากกว่า 200 บริษัท

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้มีการทำ MOU ระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย (Board of Trade of Thailand) และสภาหอการค้าซาอุดีอาระเบีย (Federation of Saudi Chambers) ซึ่งมีประเด็น 5 ด้านหลัก ๆ ร่วมกัน ได้แก่

1.เสนอให้สนับสนุนการจัดตั้ง Thai-Saudi Business Forum ระหว่างนักธุรกิจทั้งสองประเทศ

2.การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า และการประชาสัมพันธ์สินค้า เสนอให้หน่วยงานภาครัฐทั้งสอง สนับสนุนการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่อีกฝ่ายจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมการค้าและความร่วมมือระหว่างกัน อีกทั้งยังเป็นการเสริมการรับรู้ในตัวสินค้าของทั้งสองประเทศให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยสภาหอฯ ได้เชิญชวนภาคเอกชนซาอุฯ เข้าร่วมงาน ThaiFex ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 24-28 พ.ค. นี้ด้วย

3.การให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งภาครัฐของทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูลกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องระหว่างกัน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการขยายมูลค่าการลงทุนของภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายในอนาคต

4.ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าการอำนวยความสะดวกสำหรับนักธุรกิจจะช่วยดึงดูดความสนใจให้ไทยและซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศเป้าหมายการลงทุนลำดับต้น ๆ ของนักธุรกิจของทั้งสองประเทศ

5.เสนอให้เร่งรัดการจัดทำความความตกลง FTA ระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบีย เพื่อเป็นการกระตุ้นการค้าระหว่างกันให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นในระยะยาว ทั้งสองประเทศควรเปิดการเจรจาความตกลง FTA ระหว่างกันโดยเร็ว

นอกจากนั้น ยังมีการลงนาม MOU ของกระทรวงการลงทุน กับบริษัทเอกชน อาทิ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)  หรือ MINT และ ดุสิตธานี อีกด้วย

สำหรับผลการ Business Matching โดยภาพรวมได้มีการหารือถึงโอกาสต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้เศรษฐกิจของซาอุดีอาระเบียมีการขยายตัวได้ดีมาก โดยไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา มี GDP เติบโตสูงถึง 9.6%  ซึ่งในส่วนด้านอาหารและผลไม้ ทางการซาอุดีอาระเบีย มีสนใจมาก ๆ และมีโอกาสที่จะนำทุเรียน ส่งออกมาซาอุดิอาระเบีย ขณะที่ด้านวัสดุก่อสร้างก็มีโอกาสเช่นกัน เพราะทางการซาอุดิอาระเบียที่มีแผนการขยายเมือง ในส่วนกลุ่มยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็มีความสนใจ ที่จะไปดูโรงงานที่ประเทศไทย และการท่องเที่ยวก็ได้รับความสนใจที่จะ Connect กับประเทศไทย

ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียได้ตั้งเป้าที่ท้าทายมาก โดยปัจจุบันมีนักท่องเที่ยว 20 ล้านคน จะเพิ่มให้ถึง 100 ล้านคน ในปี 2030 ดังนั้น ซาอุดีอาระเบียจึงต้องการเชื่อมและแลกเปลี่ยนความรู้กับประเทศไทย ซึ่งรวมถึงกลุ่มโรงพยาบาล Medical และ Welness ของประเทศไทย โดยสนใจที่จะเดินทางไปประเทศไทยเพื่อไปใช้บริการและเรียนรู้ระหว่างกัน

Back to top button