JTS กดดัชนี 5.5 จุด

วานนี้ “JTS” หรือ บมจ.จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น มีส่วนต่อการกดดัชนีอีกครั้ง หุ้น JTS ปิดลดลง 94 บาท มาที่ 308 บาท เปลี่ยนแปลง -23.38%


วานนี้ JTS” หรือ บมจ.จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น มีส่วนต่อการกดดัชนีอีกครั้ง

หุ้น JTS ปิดลดลง 94 บาท มาที่ 308 บาท เปลี่ยนแปลง -23.38% ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพียง 204 ล้านบาท

ราคาที่รูดลงของ JTS เมื่อวานนี้ มีผลต่อการกดดัชนี SET ถึง 5.5 จุด

ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดบวกเพียง  5.84 จุด (มาที่ 1,620.33 จุด)

หากตัดหุ้น JTS ออกไป ดัชนีหุ้นไทยน่าจะบวกได้ไม่ต่ำกว่า 10 จุด สอดคล้องกับตลาดดาวโจนส์ของวันก่อนหน้า และตลาดหุ้นในเอเชียที่ฟื้นตัวแรง

ถามว่า ภาพของดัชนีที่ออกมาแบบนี้มีผลต่อการลงทุนไหม

คำตอบคือ “มี”

เพราะในภาพรวมจะเป็นเซนติเมนต์เชิงลบกับนักลงทุนได้

ก่อนหน้านี้ เคยนเขียนถึงหุ้น JTS ไปแล้วว่า ราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วนั้น

ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้เหตุผลว่าเป็นการขึ้นมาแบบ “ผิดไปจากสภาพปกติโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ”

มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือมาร์เก็ตแคปที่สูงเกือบ 3 แสนล้านบาท ทำให้มีผลต่อดัชนีอย่างมาก เวลาราคาหุ้น JTS เคลื่อนไหวขึ้นและลง

สิ่งสำคัญในตอนนี้

หากวันไหนที่หุ้น JTS ไม่ได้ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP หรือพักการซื้อขาย (จากถูกมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 3)

จะต้องคลิกเข้าไปดูราคาหุ้น JTS เข้ามาประกอบด้วย

พร้อมกับเข้าไปดูในส่วนที่เขาแสดงให้เห็นว่า ณ ขณะนั้น มีหุ้นตัวไหนบ้างที่มีส่วนต่อการดัน และกดดัชนีอยู่

เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจลงทุน

ส่วนแนวโน้มวันนี้ ยังยากที่จะคาดเดาว่าราคาหุ้น JTS จะพลิกกับมาเป็นบวก หรือยังรูดลงต่อไป

สมมุติว่า หุ้น JTS พลิกกลับมาบวกแรง และมีผลต่อดัชนี

ก็ต้องคำนวณด้วยเช่นกันว่า ดัชนี ณ ขณะนั้น สภาพความจริงเป็นอย่างไร

อย่างเมื่อวานนี้ จะเห็นว่าราคาหุ้น JTS กดดัชนีเกือบตลอดวัน

ทำให้นักลงทุนรายย่อย ต่างไม่กล้าที่จะถือหุ้นไว้เมื่อมีกำไร หรือแม้กระทั่งขาดทุน เพราะดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ

ทำให้ค่อย ๆ ทยอย “ปรับพอร์ต” ขายหุ้นกันออกมาจำนวนมาก

ก่อนที่นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างชาติ ที่น่าจะมีข้อมูล หรือรู้ว่าสภาพของดัชนีที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร กลับเข้ามาไล่ซื้อหุ้นตั้งแต่ช่วงเวลา 15.30 น. กระทั่งปิดตลาด

ดัชนีกลับมาพลิกบวก 5.84 จุด

หรือสู้กับการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น JTS ได้

เข้าใจว่า ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ เองน่าจะเห็นปัญหาตรงนี้ และน่าจะอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อแก้ปัญหาในภาพรวม

คือ จะต้องทำอย่างไร ถึงจะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น

นัยสำคัญเพื่อที่จะรักษาเสถียรภาพของตลาดหุ้น หรือสภาพดัชนี SET เอาไว้

ส่วนรูปแบบของมาตรการไม่น่าจะออกมาเพื่อแก้ปัญหาหรือเช็กบิลหุ้นตัวนั้น ๆ เป็นการเฉพาะ

เช่น กรณีของ DELTA ที่เคยสร้างปัญให้กับ SET50 และต่อเนื่องมายัง SET50 Index Futures จนต้องออกมาตรการที่แก้ปัญหาในเชิงภาพรวม

กลับมาที่ดัชนี SET ที่ปิดเมื่อวานนี้ปิดระดับ 1,620 จุด

หากตัดการเคลื่อนไหวของ JTS ออก ดัชนีน่าจะมาปิดที่ 1,626 จุด ยังไม่ผ่านแนวต้านทางเทคนิค 1,631 จุด

จากตรงนี้ นักวิเคราะห์ จึงมองว่า ดัชนี ยังคงอยู่ในช่วงของการ “ปรับฐาน”

หรือสรุปง่าย ๆ ตลาดอาจจะมีการย่อตัวลงอีกได้

แต่มีแนวรับสำคัญบริเวณ 1,600 จุด

เว้นแต่หากวันนี้ดัชนีพุ่งต่อ และมาปิดยืนเหนือ 1,631 จุด ได้ จะมีแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,650 จุด

หุ้นที่แนะนำในช่วงนี้ยังเป็นกลุ่มเปิดเมือง เช่น AOT ERW MINT SPA รวมถึงกลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เน้นกลุ่มลูกค้าพรีเมียม คือ BH และ BDMS

ส่วนกลุ่มแบงก์ที่โดดเด่น คือ KBANK และ BBL

Back to top button