TEKA โชว์ฟอร์มแกร่ง! แบ็คล็อกแน่นกว่า 2 พันลบ. พร้อมเทรด SET มิ.ย.นี้
“ฑีฆาก่อสร้าง” หรือ TEKA โชว์ฟอร์มแกร่ง! แบ็คล็อกแน่นกว่า 2.5 พันลบ. ทยอยรับรู้รายได้ปีนี้ ตั้งเป้าปี 65 รายได้ 2.4-2.5 พันล้านบาท พร้อมเสนอขาย “IPO” 75 ล้านหุ้น จ่อเข้าเทรด SET มิ.ย.65 ระดมทุนรองรับการเติบโตอนาคต
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) หรือ TEKA เปิดเผยว่า คาดว่า TEKA จะสามารถเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 75,000,000 หุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท และนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ภายในเดือน มิ.ย.
ด้านนายวีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TEKA เปิดเผยว่า บริษัทประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้างต่างๆ โดยเป็นผู้รับเหมาหลักของโครงการ (Main Contractor) ซึ่งครอบคลุมงานตั้งแต่งานโครงสร้าง (Structure) งานสถาปัตยกรรม (Architecture) และงานระบบประกอบอาคาร (Mechanical & Electrical: M&E)
โดยในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 2,400-2,500 ล้านบาท หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลให้การดำเนินการก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ปรับตัวดียิ่งขึ้น และภาคเอกชนได้เริ่มกลับมาลงทุนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการคอนโดมิเนียม โครงการโรงแรม และโครงการศูนย์การค้า
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทตุนงานในมือ (Backlog) ราว 2,251 ล้านบาท โดยจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาเกือบทั้งหมดภายในปีนี้ ในขณะเดียวกันบริษัทยังคงเดินหน้ายื่นประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะเข้ามาสนับสนุนการเติบโตของรายได้บริษัทอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับงานก่อสร้างที่อาจเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ทั้งในด้านจำนวนโครงการและมูลค่าโครงการ รวมถึงใช้ในการจัดหา ซ่อมแซม และปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรและอุปกรณ์การก่อสร้างต่างๆ
“หลังจากโควิด-19 คลี่คลาย เราจะเห็นรายได้กลับมาที่ระดับ 2,400-2,500 ล้านบาท และมั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลกำไรที่ดีได้เหมือนช่วงก่อนโควิด-19 ด้วยการที่บริษัทเน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีอย่างต่อเนื่อง และคุณภาพการก่อสร้างในระดับสูง นอกจากนี้บริษัทยังได้มีการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านความผันผวนของราคาวัสดุก่อสร้างด้วยการซื้อวัตดุก่อสร้างของทั้งภายใน 4 เดือนหลังจากได้รับงาน”นายประเสริฐ กล่าว