ส่อง 5 หุ้นนิคมฯ โตสนั่น Q1 กำไรทะลักกว่า 100%  

ส่อง 5 หุ้นนิคมอุตสาหกรรมโชว์กำไร Q1/65 โตทะลักกว่า 1 เท่าตัว รับอานิสงส์ขายที่ดินนิคมฯเพิ่มขึ้น ขณะที่ ROJNA โกยกำไรสูงสุด 825 ลบ. รองลงมา WHA กวาดกำไร 656 ลบ.


กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมประกาศงบการเงินไตรมาส 1 ปี 2565 ถือว่ากำไรออกมาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณการโอนที่ดิน และจากการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน โดยเฉพาะจากลูกค้าต่างประเทศที่เริ่มเดินทางเข้ามาทำธุรกิจได้มากขึ้นจากมาตรการการผ่อนคลายการเดินทางของภาครัฐฯ  ประกอบกับความสามารถในการบริหารต้นทุนของบริษัทแต่ละแห่งที่มีประสิทธิภาพ

อย่างกรณีบริษัทโดยเฉพาะในตัวของ JCK, WHA, PIN, AMATA และ ROJNA ซึ่งผลประกอบการในไตรมาส 1 ปี 2565 เติบโตอย่างโดดเด่นโชว์กำไรเติบโตกว่า 100% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ

บริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JCK รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 44.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31,689.21% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 0.14 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้การขายที่ดินนิคมฯเพิ่มขึ้น

บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 656.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 387.03% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 134.71 ล้านบาท สาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจที่ดินและการขายอสังหาริมทรัพย์หลังจากมีการผ่อนคลาย มาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศในช่วงปลายปี2564

รวมถึงกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินในธุรกิจดาต้าเซนเตอร์ (Data Center) จำนวน 2 แห่ง และรายได้จากการขายและให้บริการระบบสาธารณูปโภคเนื่องจากมีการเพิ่มขึ้นของยอดขายน้ำในทุกผลิตภัณฑ์ โดยเกิดจากความ ต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่

บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ  PIN รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 138.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 229.15% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 41.96 ล้านบาท สาเหตุจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณการโอนที่ดิน ประกอบกับความสามารถในการบริหารต้นทุนของบริษัทที่ มีประสิทธิภาพมากขึ้น

บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 553.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 198.00% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 185.73 ล้านบาท เหตุเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัทมีการโอนที่ดิน จำนวนทั้งสิ้น 70 ไร่ และกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน เป็นการขายโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าจำนวน 10 หลัง จากนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม

บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNA รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 825.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 181.50% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 293.11 ล้านบาท เป็นผลจากรับรู้ในส่วนของกำไรสุทธิของบริษัท โรจนะ เพาเวอร์ จำกัด เพิ่มขึ้น นอกจากนี้มีรายได้จาการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากมีลูกค้าถึงกำหนดชำระเงินงวดสุดท้ายและโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ภายในโครงการอยุธยา ระยองและชนบุรี

รวมทั้งรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากการที่ลูกค้ามาใช้บริการเพิ่ม ประกอบกับบริษัทย่อยเปิดดำเนินโครงการโซลาร์ลูปบนหลังคาโรงงาน และรายได้ค่าบริการและค่าเช่า เป็นรายได้จากการขายน้ำเพื่ออุตสาหกรรม บริการบำบัดน้ำเสีย และค่าบริการส่วนกลางเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ทั้งนี้ เมื่อผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2565 ของกลุ่มอุตสาหกรรมออกมาดีกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ หลายฝ่ายเชื่อว่ากลุ่มนิคมอุตสาหกรรมจะยังดีอย่างต่อเนื่อง เพราะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในไทยมากขึ้นนับจากนี้ไป ซึ่งจะทำให้มีปริมาณการโอนที่ดิน และจากการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนเพิ่มขึ้นช่วยขับเคลื่อนให้ผลการดำเนินงานเติบโตชัดเจน

อย่างเช่นกรณีของ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA พบว่า บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่ายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่  3.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่าจาก 1) ยอด transfer ที่จะอยู่ในระดับที่สูงที่ 621 ไร่ โดยที่ดินส่วนใหญ่จะเป็นที่ดิน IE ทำให้มีราคาขายเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2564 ที่มียอด transfer ที่ดิน non-IE ที่สูงถึง 55% ของยอด transfer รวม

2) ยอด presale ที่ 850 ไร่ หนุนโดยการเดินทางเข้าประเทศที่สะดวกมากขึ้น, pent-up demand ที่สูง, ได้ผลบวกจากการ relocation มาพื้นที่ South East Asia และเที่ยวบินของเวียดนามที่กลับมาดำเนินงานตามปกติทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมียอด presale อยู่ที่ประมาณ 240 ไร่ จากต้นปีถึงปัจจุบัน (คิดเป็น 28% ของประมาณการปี 2565)

3) รายได้จากขายน้ำเพิ่มขึ้น 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณน้ำที่ขายสูงขึ้นตามจำนวนลูกค้าที่เพิ่ม และรับรู้ ยอดขายให้ลูกค้ากลุ่มไฟฟ้าที่เพิ่มกำลังการผลิตเต็มปี และ 4) คาดรับรู้รายได้ และส่วนแบ่งกำไรจากการขายทรัพย์เข้ากอง WHART และ HREIT ในไตรมาส 4 ปี 2565 ประมาณ 4.2 พันล้านบาท

นอกจากนี้ทางฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาหุ้น ควรกลับมาเทรดที่ระดับเดียวกันกับ Pre-COVID จากแนวโน้มยอด presale และ transfer ที่ดี ขึ้น หนุนให้ผลการดำเนินงานจะกลับมาขยายตัวสูงตั้งแต่ปี 2565 จากการเดินทางระหว่าง ประเทศที่ดีขึ้น, การเร่งลงทุนจากที่ชะลอตัวในช่วงปี 2564-2565  โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตรถ EV ที่ได้ผลบวกของมาตรการทางภาษี และพื้นที่รอการขายที่เพิ่มขึ้น ภายหลังที่มีการ เปิดตัวนิคมใหม่ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.00 บาท

Back to top button