BIS พัฒนาชุด “PCR” ตรวจผลไม้-อาหารส่งออก ยกระดับมาตรฐานสินค้า
BIS เดินหน้าต่อยอดพัฒนานวัตกรรมชุดตรวจโควิด-19 แบบ Real Time PCR เพื่อตรวจผลไม้และอาหารส่งออกในบรรจุภัณฑ์และตู้คอนเทนเนอร์ตามนโยบาย Zero-Covid จับมือภาครัฐ ยกระดับมาตรฐานสินค้าไทยระดับสากล
นายสัตว์แพทย์ธนวัฒน์ คงเจริญสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด(มหาชน) หรือ BIS เปิดเผยว่า บริษัทได้พัฒนานวัตกรรม ชุดตรวจโควิด-19 แบบ Real Time PCR เพื่อตรวจผลไม้สำคัญทางเศรษฐกิจ คือ ทุเรียน มะม่วง มังคุด อาหารส่งออก และสินค้าส่งออกซึ่งเป็น 1 ในปัจจัยสำคัญของเศรษฐกิจของประเทศ ช่วยสามารถตรวจเชื้อโควิด-19 ในตู้คอนเทนเนอร์ กล่องแพคเก็จจิ้ง และพื้นผิวประเภทต่างๆ
โดยชุดตรวจ Real Time PCR แบบ (Angentex® COVID-19 qPCR Detection Kit (with IC) ของบริษัทได้รับการรับรองโดยองค์การอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุขเป็นรายแรกของไทย และยังได้รับรางวัลชนะเลิศสาขาผลิตภัณฑ์ (Product) จาก The International Innovation Awards (IIA) 2021 มาต่อยอดในการสนับสนุนงานวิจัย “การประเมินความเสี่ยง SAR-CoV-2 และไวรัสก่อโรคที่ติดต่อผ่านอาหาร” ของสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก.,สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร หรือ สวพ.,สมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าไทยในระดับสากล
โดยในปีที่ผ่านมา BIS ประสบความสำเร็จในการพัฒนาและผลิตชุดตรวจโควิด-19 แบบ Real Time PCR เป็นรายแรกของไทย โดยผลิตภัณฑ์ของ BIS ได้รับอนุญาตจากองค์การอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข มีการใช้จริงในโรงพยาบาลและห้องแล็ปปฏิบัติการชั้นนำต่างๆ ตั้งแต่เดือนกันยายนในปี 2563 ที่ผ่านมา ด้วยคุณภาพสูงและได้มาตรฐาน รวมทั้งราคาคุ้มค่า ลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ พร้อมแก้ปัญหาการขาดแคลนชุดตรวจในประเทศได้เป็นอย่างดี
สำหรับปัจจุบันโรคโควิด-19 ยังคงมีการแพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้ยังคงมีการรายงานถึงเชื้อที่ปนเปื้อนไปกับอาหารและสินค้าต่างๆ ซึ่งการส่งออกสินค้าในระดับสากลหากมีการปนเปื้อนจะไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าทันที ในขณะที่ประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของการส่งออกผลไม้ที่สำคัญของประเทศไทย ยังมีนโยบาย Zero Covid จึงทำให้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ที่เป็นช่วงฤดูกาลส่งออกผลไม้ของประเทศไทย อาทิ ทุเรียน ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีราคาสูง อีกทั้งยังเน่าเสียได้ง่าย โดยบริษัทได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและความจำเป็น จึงได้มีการพัฒนานวัตกรรมชุดตรวจที่ขยายไปสู่การตรวจวิเคราะห์สารพันธุกรรมเชื้อโควิด-19 ปนเปื้อนในกระบวนการส่งออก ไม่ว่าจะเป็นอาหาร บรรจุภัณฑ์ ตลอดจนตู้คอนเทนเนอร์
ทั้งนี้ นับตั้งแต่มีการระบาดของโรคโควิด-19 บริษัท โปร เทส คิท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย BIS ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม Angentex® COVID-19 qPCR Detection Kit (with IC) มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดเด่นเรื่องการตรวจโรคโควิด-19 ได้อย่างแม่นยำ ใช้งานได้สะดวกและรวดเร็ว ช่วยสามารถตรวจจากตัวอย่างทั้งในคน สัตว์ สิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจุบัน BIS ได้ต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่สามารถนำมาตรวจในผลไม้และพื้นผิวของผลไม้ต่างๆ เพื่อยกระดับมาตรฐานให้กับสินค้า
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการส่งออกสินค้าเกษตรถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสินค้าสำคัญของการส่งออกของไทย BIS ได้ทำการผลิตชุดตรวจโควิดในทุเรียน ผลไม้ อาหารส่งออก บรรจุภัณฑ์และตู้คอนเทนเนอร์ โดยร่วมต่อยอดวิจัยเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกับ สวก., สวพ., และสมาคมฯ ได้เป็นอย่างดี ในเรื่องของการตรวจหาเชื้อปนเปื้อน ป้องกันปัญหาการตีกลับผลไม้ส่งออก รวมถึงช่วยลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นในกระบวนการส่งออกของไทย
ทั้งนี้ บริษัทพร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนด้านนวัตกรรมเพื่อนำไปตรวจการปนเปื้อนเชื้อทั้งในผลไม้ เนื้อสัตว์ รวมไปถึงอาหารแช่แข็งต่างๆ เพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นกับเกษตรกรและผู้ส่งออกของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นการควบคุมมาตรฐานให้เป็นไปตามหลักสากล อันจะนำมาสู่ชื่อเสียงและความเชื่อมั่นในการเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารอันดับต้นๆ ให้ประเทศไทยกลายเป็นครัวของโลกที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม Angentex® COVID-19 qPCR Detection Kit (with IC) บริษัทยังคงมุ่งมั่นในการทำงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับนักวิจัยจากสถาบันวิจัยชั้นนำของประเทศ อาทิ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ศูนย์ไบโอเท็ค มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อไปยังจุดมุ่งหมายของการเตรียมก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านไบโอเท็คของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน
โดยล่าสุด บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2565 โดยมีรายได้รวม 540ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 429 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 26% และมีกำไรสุทธิ 17 ล้านบาท เติบโต 47% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11.5 ล้านบาท ซึ่งผลประกอบการทั้งรายได้และกำไรของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ยังมี 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก คือ 1.กลุ่มยาและวัคซีนสัตว์ (Animal Health) 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินสัตว์ (Nutrition) ซึ่งเติบโตสูง และ 3.กลุ่มชุดตรวจโรคสัตว์ (Diagnostic) ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มรวมกันสร้างรายได้ 65% ของรายได้รวม โดยเฉพาะชุดตรวจโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : ASF) มีการเติบโตของรายได้เติบโตสูงสุด เพราะเป็นอุปกรณ์สำคัญในการควบคุมการการแพร่กระจายของโรคนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมปศุสัตว์โดยตรง จึงมีความต้องการสูงจากกลุ่มฟาร์มสุกร รวมทั้งผลิตภัณฑ์กลุ่มวัตถุดิบอาหารสัตว์ มีรายได้เติบโตสูงเช่นกัน