ดอลล์แข็งค่า ขณะตลาดจับตาข้อมูลจ้างงาน คาดหนุนเฟดขึ้นดบ.
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (5 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนรอดูข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่จะเปิดเผยในวันนี้ โดยคาดกันว่าจะช่วยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0883 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0856 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5213 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5376 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 121.69 เยน จาก 121.57 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9952 ฟรังก์ จาก 0.9942 ฟรังก์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7143 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7150 ดอลลาร์
ตลาดจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในเดือนต.ค. ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย เพื่อประเมินภาพรวมที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงานสหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งแกร่ง เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าตัวเลขจ้างงานในเดือนต.ค.จะช่วยสนับสนุนการตัดสินใจของเฟดในการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนธ.ค.
ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่ง โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 142,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่คาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 นอกจากนี้ การที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายราย ซึ่งรวมถึงนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเมื่อเร็วๆนี้ในเรื่องนโยบายการเงิน ก็ได้ช่วยหนุนกระแสคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้
นางเยลเลนกล่าวแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยระบุว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 ธ.ค. พร้อมกล่าวเสริมว่า เดือนธ.ค.เป็นช่วงเวลาที่มีความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวน่าพอใจ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดรายอื่นๆ ต่างออกมาสนับสนุนถ้อยแถลงของประธานเฟด โดยนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก กล่าวว่า เขาเห็นด้วยอย่างยิ่งกับนางเยลเลน ในประเด็นความเป็นไปได้เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเดือนธ.ค.
ด้านนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา กล่าวเมื่อวานนี้ว่า มีความเป็นไปได้อย่างมากที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ เนื่องจากความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ อันเป็นผลมาจากภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและความผันผวนในตลาดการเงินนั้น ได้ลดน้อยลง โดยระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มจะอยู่ในช่วงการขยายตัวที่เหนือศักยภาพ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ย