SHR แรลลี่ 5 วันพุ่ง 17% เก็งงบ Q2 ฟื้น รับไฮซีซั่น หนุนปีนี้พลิกกำไร 89 ลบ.
SHR แรลลี่ 5 วันพุ่ง 17% เก็งงบ Q2 ฟื้น รับไฮซีซั่น หนุนปีนี้พลิกกำไร 89 ลบ. จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 1.2 พันลบ. โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 5.25 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (26 พ.ค. 2565) ราคาหุ้น บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ณ เวลา 12:04 น. อยู่ที่ระดับ 4.74 บาท เพิ่มขึ้น 0.44 บาท หรือ 10.23% โดยทำจุดสูงสุดที่ 4.90 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 4.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 431.15 ล้านบาท
ทั้งนี้ราคาหุ้น SHR ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง 5 วันติดนับตั้งแต่ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 4.06 บาท เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2565 คิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.68 บาท หรือคิดเป็น 16.74%
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (26 พ.ค. 2565) ว่า จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ (25 พ.ค.2565) ทางฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวก เพราะมีแนวโน้มการฟื้นตัวดีกว่าคาดแม้ว่าจะเป็นช่วง Low season ทำให้ทางฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/2565 มีโอกาสเห็นเป็นกำไรสุทธิได้โดยมีประเด็นสำคัญจากการประชุมดังนี้ 1) ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้จะโตเป็น 3 เท่า ในปี 2569 เมื่อเทียบกับปี 2564 (ดังนั้นรายได้ตามเป้าหมายจะอยู่ที่ 1.30 หมื่นล้านบาท ขณะที่ทางฝ่ายวิจัยคาดไว้ที่ 1.10 หมื่นล้านบาท) จากการกลับมาเติบโตได้เต็มที่ในทุกโรงแรม และจะมีโรงแรมใหม่ที่มัลดีฟส์เกาะ 3 อีก 1 แห่ง ซึ่งเป็นรูปแบบ Luxury style ประกอบกับจะมีดีล M&A รวมถึงซื้อกิจการในแถบเมดิเตอร์เรเนียนและมหาสมุทรอินเดียเพิ่มเติม
2) ภาพรวมของอัตราการเข้าพัก และรายได้เฉลี่ยต่อวัน ในเดือน เม.ย. 2565 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีทุกเซกเมนต์แม้ว่าจะเป็นช่วง Low season โดยไทยเติบโตได้ดีที่สุดมีอัตราการเข้าพัก อยู่ที่ 59% จากไตรมาส 1/2565 ที่ 38% ด้านรายได้เฉลี่ยต่อวัน เพิ่มขึ้นได้ถึง 72% จากงวดเดียวกันของปีก่อน รองลงมาเป็น UK มีอัตราการเข้าพัก อยู่ที่ 60% จากไตรมาส 1/2565 ที่ 46% ด้านรายได้เฉลี่ยต่อวัน เพิ่มขึ้นได้ 14% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมัลดีฟส์มีอัตราการเข้าพัก ที่ 77% จากไตรมาส 1/2565 ที่ 74% ด้านรายได้เฉลี่ยต่อวัน เพิ่มขึ้นได้ถึง 64% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
3) ผลกระทบจากเงินเฟ้อที่ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นไม่น่ากังวลมากนักเพราะมีการปรับรายได้เฉลี่ยต่อวัน เพิ่มขึ้นตามดีมานด์ของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นไปแล้ว ขณะที่ต้นทุนพลังงานคิดเป็นเพียง 2% จากต้นทุนรวมทั้งหมด 4) อยู่ระหว่างการรีไฟแนนซ์เงินกู้ที่ UK ซึ่งคาดว่าจะเสร็จภายในครึ่งปีหลัง 2565 ซึ่งจะช่วยลดอัตราดอกเบี้ยได้ราว 25-50bps
ทั้งนี้ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 จะอยู่ที่ 89 ล้านบาท จากปี 2564 ที่ขาดทุนสุทธิ 1.20 พันล้านบาท โดยผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2565 เป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ และเริ่มทยอยเห็นการฟื้นตัวในไตรมาส 2/2565 จาก High season ที่ UK และจะเห็นเป็นกำไรสุทธิได้ดีในไตรมาส 3/2565 จาก High season ที่มัลดีฟส์และ UK นอกจากนี้คาดว่ากำไรจะทำจุดสูงสุดของปีในไตรมาส 4/2565 จากมัลดีฟส์และไทยช่วยหนุน แนะนำ “ซื้อ” ราคาแหมาย 5.25 บาท