“สผ.” จับมือ “ก.ล.ต.” ส่งเสริม “ภาคธุรกิจ” ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

“สผ.” จับมือ “ก.ล.ต.” ส่งเสริม “ภาคธุรกิจ” ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตอบโจทย์ทิศทางการพัฒนาของประเทศไทยในการบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality-Net Zero


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการส่งเสริมและผลักดันการดำเนินงานของภาคธุรกิจเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มุ่งสร้างความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการนำพาประเทศไทยสู่ความยั่งยืน

โดย เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2565 สผ. และ ก.ล.ต. จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) ผ่านระบบประชุมทางไกล (Video Conference) ว่าด้วยการส่งเสริมและผลักดันการดำเนินงานของภาคธุรกิจเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นการสร้างความร่วมมือในการส่งเสริมการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของภาคธุรกิจในตลาดทุนไทยให้เกิดความรู้ความเข้าใจ และตระหนักถึงความสำคัญในการประกอบธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล มีความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านการมีนโยบายและกำหนดเป็นกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อตอบโจทย์ทิศทางการพัฒนาของประเทศไทยในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการนำพาประเทศไทยสู่ความยั่งยืน

ด้าน นายพิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช เลขาธิการ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กล่าวว่า ในฐานะหน่วยประสานงานกลางของประเทศภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้ขับเคลื่อนนโยบายและแผนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภาคธุรกิจเป็นตัวแปรสำคัญที่มีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นรูปธรรม

โดยการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง ก.ล.ต. และ สผ. ในครั้งนี้ จึงถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะร่วมกันสนับสนุนการเตรียมความพร้อมให้ภาคธุรกิจในตลาดทุนดำเนินธุรกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำอย่างมีประสิทธิภาพและมีธรรมาภิบาล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของภาคธุรกิจให้สามารถแข่งขันในตลาดธุรกิจระดับโลก และทำให้เกิดการบูรณาการการขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกของภาคธุรกิจร่วมกับการขับเคลื่อนนโยบายของประเทศในระยะยาว เพื่อตอบโจทย์ทิศทางการพัฒนาของประเทศไทยในการบรรลุเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายใน ปี ค.ศ. 2065 (พ.ศ. 2608) ได้อย่างยั่งยืน

ขณะที่ นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า มุ่งมั่นพัฒนาระบบนิเวศที่เกื้อหนุนให้ตลาดทุนไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน ท่ามกลางวิกฤตของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น

โดยสนับสนุนให้ภาคธุรกิจประกอบธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาล เพื่อเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืนสู่ระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่ง ก.ล.ต. ได้กำหนดประเด็นความยั่งยืนเป็นหนึ่งในเรือธงของแผนยุทธศาสตร์ของ ก.ล.ต. สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาตลาดทุนไทย และนโยบายโมเดลเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาล คือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG) ตลอดจนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs) โดยที่ สผ. และ ก.ล.ต. ซึ่งมีทิศทางและกรอบ การดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่เชื่อมโยงและสอดคล้องกัน จึงเป็นที่มาของการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือและการผนึกกำลังความร่วมมือที่เข้มแข็งในครั้งนี้

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันสร้างพลวัตในการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย เพื่อให้ภาคธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ ควบคู่ไปกับการทำประโยชน์เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดทุนไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

Back to top button