“บล.พาย” คัด 14 หุ้นเด่นสัปดาห์นี้ แนะสอย MAJOR-TU รับกำไรไตรมาส 2 ฟื้น
“บล.พาย” ประเมินกรอบ SET ทั้งสัปดาห์ที่ 1,630 – 1,660 จุด พร้อมแนะนำลงทุน 14 หุ้นเด่น ชู MAJOR – TU กำไรไตรมาส 2/65 เริ่มฟื้น
บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ Pi มองว่าวันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้น Dow Jones ปรับตัวขึ้นเด่น 1.76% หลังสหรัฐรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ (Core PCE) ขยายตัว 0.3% จากเดือนก่อน 4.9% จากปีก่อน ส่วน PCE ขยายตัว 0.2% จากเดือนก่อน 6.3% จากปีก่อน ทั้งนี้หากพิจารณาการขยายตัวจากเดือน พบว่า Core PCE ปรับตัวขึ้น 0.3% จากเดือนก่อน เป็นระยะ เวลา 2 เดือนติดต่อ ส่วนจากปีก่อนลดลงต่อเนื่องจาก ก.พ. ขยายตัว 5.3% จากปีก่อน มี.ค. 5.2% จากปีก่อน และล่าสุด เม.ย. ขยายตัวเพียง 4.9% จากปีก่อน ตลาดจึงตีความว่าเงินเฟ้อสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
ทั้งนี้หากพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างเงินเฟ้อสหรัฐ (PCE) และ ตลาดหุ้น (Dow Jones) ย้อนหลัง 52 ปี พบว่าค่าที่ได้คือ -0.47 หรือตีความได้ว่าหากการขยายตัวของเงินเฟ้อลดลงตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้น ดังนั้นก็เป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ตามยังมีความเสี่ยงที่รออยู่ในช่วงถัดไป เนื่องจากเป้าหมายเงินเฟ้อของ FED คือ 4.3% ในปี 22 และค่าเฉลี่ยระยะยาวคือ 2% แต่ตัวเลขล่าสุดที่รายงานออกมาคือ 6.3% จึงยังเป็นไปได้ที่จะเห็นความเข้มงวดออกมาจากทาง FED ดังนั้นการฟื้นตัวของตลาดหุ้นจากประเด็นเงินเฟ้อสหรัฐผ่านจุดสูงสุดจึงเชื่อว่าเพียงระยะสั้น
ส่วนในประเทศวันศุกร์ที่ผ่านมาได้รายงานมูลค่าส่งออกเดือน เม.ย. พบว่าขยายตัว 9.9% จากปีก่อน ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 14.6% จากปีก่อน ส่วนนำเข้าขยายตัว 21.5% จากปีก่อน ดีกว่าตลาดคาดที่ 19.5% จากปีก่อน อย่างไรก็ตามสินค้าข้างในสะท้อนถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกหนุนจากรถยนต์และส่วนประกอบหดตัวลง 9.5% จากปีก่อน ส่วนสินค้าที่ขยายตัวคือ สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบโลก อาทิ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก รวมถึงสินค้าเกษตรและอาหารที่จำเป็นในภาวะสงคราม
โดยแนวโน้มข้างหน้ากระทรวงพาณิชย์ประเมินว่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากประเทศคู่ค้าต้องการรักษาความมั่นคงทางอาหาร โดยมองเป็นบวกต่อกลุ่มอาหาร (ASIAN, CPF, GFPT, TFG, TU) สำหรับปัจจัยสัปดาห์นี้หลักๆ จะเน้นที่ตัวเลขเศรษฐกิจ วันพุธได้แก่ PMI ของสหรัฐ Bloomberg คาดที่ 54.9 และวันศุกร์ภาคแรงงานสหรัฐ Bloomberg ประเมินการจ้างงานนอกภาคเกษตร 3.25 แสนตำแหน่งและอัตราการว่างงานที่ 3.5%
ทั้งนี้ ประเมินวันจันทร์มีโอกาสปรับตัวขึ้นหลังจากนั้นรอดูปัจจัยใหม่ๆ ประเมินกรอบ SET ทั้งสัปดาห์ที่ 1,630 – 1,660 เชิงกลยุทธ์การลงทุนจังหวะปรับตัวขึ้นยังแนะเป็นลดน้ำหนักการลงทุน กังวลถึงการปรับลดประมาณการและเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวจากดอกเบี้ยเร่งขึ้นในช่วงถัดไป ส่วนหุ้นแนะนำระยะสัปดาห์ MAJOR ค้าปลีก BJC, CPALL สื่อสาร ADVANC อาหาร ASIAN, CPF, GFPT, TFG, TU ท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT และ SPA
ด้าน MAJOR แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 23.70 บาท คาดผลการดำเนินงานของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับดีขึ้นในไตรมาส 2/65 จากจุดต่ำในไตรมาส 1/65 เพราะมีภาพยนตร์คุณภาพดีจำนวนมากที่จะเข้าฉาย
ส่วน TU แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 22.10 บาท บริษัทเริ่มปรับราคาขายขึ้นในช่วงไตรมาส 2/65 เชื่อว่าจะช่วยลดแรงกดดันด้านต้นทุนที่วิ่งสูงขึ้น ขณะที่การออกสินค้าใหม่ๆ ยังมีอย่างต่อเนื่อง