ACE บวก 4% ลุ้นรายได้ปีนี้แตะ 6.5 พันลบ. จ่อชิงเค้ก “โรงไฟฟ้าขยะ” 283 เมกะวัตต์

ACE บวก 4% ลุ้นรายได้ปีนี้แตะ 6.5 พันลบ. จ่อชิงเค้ก “โรงไฟฟ้าขยะ” 283 เมกะวัตต์ หลัง “กพช.” เคาะซื้อ 34 โครงการ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(30 พ.ค.65) ราคาหุ้นบริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE ณ เวลา 11:45 น. อยู่ที่ระดับ 2.94 บาท บวก 0.12 บาท หรือ 4.26% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 235.13 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้ นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ACE ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ข่าวหุ้น” ออกอากาศทาง MCOT HD ช่อง 30 ว่า จากการที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 34 โครงการ ปริมาณรับซื้อไฟฟ้ารวม 282.98 เมกะวัตต์ (MW) สำหรับทางบริษัทยังไม่ทราบรายละเอียด แต่คาดว่าครอบคลุมโครงการที่ได้สัญญากำจัดขยะและรอคิวอยู่แล้ว โดยทางบริษัทมีโรงไฟฟ้าที่ได้สัญญากำจัดขยะแล้วจำนวน 2 โครงการ ที่ยังรอทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับหน่วยงานที่รับซื้อไฟฟ้า

โดยทั้ง 2 โครงการที่จ่อคิวอยู่นั้น เป็นโครงการที่บริษัทชนะการประกวดราคาเมื่อเดือน พ.ค. 2564 ในการกำจัดขยะขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เชียงหวาง จ.อุดรธานี และ อบต.โชคชัย จ.นครราชสีมา ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งโครงการละ 9.9 เมกะวัตต์ เป็นกำลังการผลิตเสนอขายตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) โครงการละ 8 เมกะวัตต์ เมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าก็จะเริ่มพัฒนาโครงการได้เลย

นอกจากนี้่ ACE ยังได้มีการเตรียมการไว้หลายพื้นที่ จากเป้าหมายโรงไฟฟ้าขยะ ที่เดิมทางภาครัฐมองไว้ประมาณ 400 เมกะวัตต์ ซึ่งได้มีประกาศออกมาบางส่วน ก็ยังมีส่วนที่เหลือที่ต้องรอต่อไป ในส่วนของโรงไฟฟ้าขยะทางบริษัทจะมีรายได้จาก 2 ส่วน ประกอบด้วย ค่ากำจัดขยะ และค่าจำหน่ายไฟฟ้า

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 322.4 ล้านบาท ลดลง 10% จากไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 360.3 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 1/2564 มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 55 ล้านบาท แต่ถ้าดูเฉพาะกำไรจากกิจกรรมปกติในไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 326.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.9% จากไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 305.6 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ในไตรมาส 1/2565 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 1,621 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.4% จากไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 1,314.1 ล้านบาท ซึ่งมาจากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล VSPP คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ขนาด 9.9 เมกะวัตต์ เต็มไตรมาสเป็นไตรมาสแรก หลังจากที่เริ่มผลิตไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) เมื่อเดือน พ.ย. 2564 นอกจากนี้ยังมีรายได้ค่าพลังงานไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ SPP ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราค่าพลังงานไฟฟ้าที่ขายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีการปรับราคาสูงขึ้นตามราคาก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบ หรือมีความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นต้นทุนหลัก

และหาก 3 ไตรมาสที่เหลือมีรายได้ใกล้เคียงกับไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ทั้งปี 2565 ก็น่าจะมีรายได้ประมาณ 6,400-6,500 ล้านบาท โดยจะมีการพัฒนาประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าและการลงทุนตามแผนงานแล้ว ยังอยู่ระหว่างเร่งศึกษาแนวทางสร้างรายได้ใหม่ ๆ รวมทั้งการเข้าซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ยังมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโดยส่วนใหญ่ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาข้อเสนอ โดยจะต้องเลือกดีลที่เป็นประโยชน์ ต้องดูทั้งเรื่องความเสี่ยงและผลตอบแทน จึงยากที่จะระบุว่าจะจบเมื่อไร หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป

Back to top button