หุ้นกู้แบบเรียลไทม์ของ SCGP
SCGP ยักษ์ใหญ่ค่ายปูนใหญ่เจ้าของธุรกิจแพคเกจจิ้งอันดับหนึ่งของอาเซียนบุกเปิดตลาดใหม่ด้วยหุ้นกู้แบบเรียลไทม์
ถึงแม้ว่าราคาของสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ NFT จะตกรูดทั่วตลาดท่ามกลางการฟันธงของคนบางคนที่แสร้งอวดฉลาดรีบด่วนสรุปว่านี่คือฟองสบู่ NFT หรือฟองสบู่ลูนาร์ 2 เพื่อจะหาแพะรับบาป
หนึ่งในผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายสำคัญว่านี้ของการต้องกลายเป็น “แพะรับบาป” หนีไม่พ้น “บิทคับ” ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มรายใหญ่สุดที่เจ้าของหลักคือ SCBX บริษัทใหม่ล่าสุดในตลาดหุ้นไทยยามนี้นั่นเอง
การสาดโคลนเพื่อหาแพะรับบาปจากการร่วงลงของราคา NFT ทั้งหลายในตลาด ทั้งที่เป็นโอกาสได้ซื้อของถูกของบรรดานักลงทุนขา “ชาวสวน” ที่น่าพึงพอใจ จึงเป็นเรื่องความไม่รู้หรืออวิชชา มากกว่า
ท่ามกลางความมึนงงของขาเมาในวงการ NFT ยามนี้ SCGP ยักษ์ใหญ่ค่ายปูนใหญ่เจ้าของธุรกิจแพคเกจจิ้งอันดับหนึ่งของอาเซียนก็บุกเปิดตลาดใหม่ด้วยหุ้นกู้แบบเรียลไทม์ ที่น่าจะเป็นทางเลือกที่ทำให้ตลาดตราสารหนี้พบทางออกใหม่ในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลว่าเป็นมากกว่าฟองสบู่ NFT ที่ถูกใครบางคนกล่าวหาด้วยความ “โง่อวดฉลาด”
รายละเอียดของหุ้นกู้เรียลไทม์ของ SCGP มีดังต่อไปนี้ เป็นหุ้นกู้อายุ 3 ปี 8 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 2.65 ต่อปี มูลค่าเสนอขายไม่เกิน 5,000 ล้านบาท และมีหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติมมูลค่าไม่เกิน 500 ล้านบาท ชูอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ A+(tha) จากฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) สะท้อนฐานะการเงินและสถานะธุรกิจที่แข็งแกร่ง
หุ้นกู้ดังกล่าว ขายหมดไปแล้ว และป่านนี้คงไปเทรดซื้อขายในตลาดรองบนแอป “เป๋าตัง” เพราะเปิดจองซื้อสำหรับผู้ถือหุ้นกู้ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย ครั้งที่ 1/2560 (SCC214A) ในวันที่ 1-5 มีนาคม และผู้ลงทุนทั่วไปสามารถจองซื้อได้ในวันที่ 29-31 มีนาคมนี้ ที่ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทยและธนาคารไทยพาณิชย์
วงเงินหุ้นกู้ที่มากถึง 5 พันล้านบาท คงจะไม่มีใครกล่าวหาว่าเป็นฟองสบู่แน่นอน โดยผู้จัดจำหน่ายหู้นกู้คราวนี้ได้ชูจุดเด่นคือ
* บริษัทฯ เป็นบริษัทย่อยของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ซึ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2563 โดยธุรกิจแพคเกจจิ้งของบริษัทฯ เป็น 1 ใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ที่สร้างการเจริญเติบโตให้กับ SCC
* บริษัทฯ มี 2 สายธุรกิจหลัก ได้แก่ สายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (รายได้ประมาณ 85%) และสายธุรกิจเยื่อและกระดาษ (รายได้ประมาณ 15%) ซึ่งมีสินค้าที่หลากหลายครบวงจร ครอบคลุมลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรม
* บริษัทฯ เป็นผู้นำตลาดในฐานะผู้ผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูกที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน
* รายได้จากการขายของบริษัทฯ มีการกระจายตัวทางภูมิศาสตร์ที่ดีในหลายประเทศในอาเซียน และบรรจุภัณฑ์ของบริษัทฯ เป็นบรรจุภัณฑ์ของกลุ่มสินค้าที่มีความต้องการซื้อที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ เช่น กลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่หมุนเวียนเร็ว (FMCG) และกลุ่มสินค้า E-Commerce*
ข้อมูลดังกล่าวอยู่ในรายงานการจัดอันดับเครดิตโดยบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัดเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2564
ที่สำคัญคือก.ล.ต.อนุมัติเรียบร้อยไปแล้ว
SCGP ได้แจ้งวัตถุประสงค์ของการออกหุ้นกู้ว่าเพื่อนำมาชำระคืนเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ ที่จะครบกำหนดภายในไตรมาส 3 ปี 2564 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการชำระคืนเงินกู้ยืม ของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
อนึ่ง เพื่อไม่ให้นักลงทุนกล่าวหาภายหลัง ทางผู้จัดการจำหน่ายหุ้นกู้ของ SCGP ได้ออกคำเตือนล่วงหน้าไปพร้อมกับการขายในตลาดแรกไปแล้วว่า “ตลาดตราสารหนี้ในประเทศไทยมีสภาพคล่องต่ำ การขายตราสารก่อนครบกำหนดไถ่ถอนในตลาดรองนั้นอาจได้รับมูลค่าขายตราสารลดลง หรือเพิ่มขึ้นได้ โดยขึ้นอยู่กับสภาวะและความต้องการของตลาดในขณะนั้น”
การออกตราสารหนี้ของ SCGP คราวนี้ น่าจะทำให้ตลาดนี้มีการเติบใหญ่มากขึ้น และเลิกมีคนโจมตีว่าเป็นฟองสบู่ได้เสียที
โดยเฉพาะคนที่เชื่อตัวเองว่าเป็นสื่อใหญ่ แต่ความรู้ต่ำทั้งหลาย