เมื่อ ‘ลิซ่า’ ไม่ต่อสัญญา AIS

ราคาหุ้น ADVANC ปิดตลาดปรับลงมาแล้ว 2 วันติดต่อกัน

ล่าสุดวานนี้ปิดที่ 214.00 บาท ลดลง 3.00 บาท

มีการตั้งคำถามถึงปัจจัยที่ทำให้หุ้นว่าเกิดจากอะไร

และหนึ่งในนั้นคือ จะเกี่ยวกับ YG ENTERTAINMENT ต้นสังกัดของ “ลิซ่า” สมาชิกวง BLACKPINK ได้ “ปฏิเสธ” การต่อสัญญากับ “เอไอเอส” หรือเปล่า

คำตอบคือ อาจจะเป็น “จิตวิทยาเชิงลบ” ได้บ้าง

สำหรับลิซ่า นั้น เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับเอไอเอสมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

และล่าสุดหมดสัญญาไปแล้ว

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ทาง YG แจ้งว่า ดีลใหม่ของ ลิซ่า ที่จะเป็นพรีเซนเตอร์นั้น

เป็นรายใหญ่ และอาจจะมี Conflict of Interest (กับเอไอเอส) หรือ (น่าจะ) เป็นคู่แข่งในทางธุรกิจกับเอไอเอสนั่นแหละ

ส่วนคู่แข่งขันทางธุรกิจเอไอเอสนั้น ตอนนี้มีเพียง TRUE และ DTAC (ที่กำลังควบรวมกิจการ) เท่านั้น

แต่จะเป็นแบรนด์สินค้ารายอื่นหรือเปล่า ต้องไปลุ้นกัน

ย้อนกลับมาที่ผลลบต่อเอไอเอส

มีการประเมินกันไว้ว่า อาจเป็นเพียงเซนติเมนต์เชิงลบเท่านั้น และสมมุติว่าลิซ่าไปเป็นพรีเซนเตอร์ที่เป็นคู่แข่งทางธุรกิจของเอไอเอส ก็ไม่น่าจะส่งผลลบมากนัก

และเชื่อว่า เอไอเอส น่าจะมีกลยุทธ์ตลาดเพื่อรับมือได้

ส่วนราคาหุ้นที่ย่อลงมา

แนวรับ 210 บาท น่าจะค่อนข้างแข็งแกร่ง

หรือเลวร้ายสุดไม่น่าจะหลุด 200 บาท

ราคาหุ้น ADVANC นับจากต้นปี 2565 ลงไปต่ำสุดที่ระดับ 204 บาท เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา

ในวันนั้น พบว่า มีแรงเข้ามารับซื้ออย่างมาก

และทำให้ราคาหุ้นดีดกลับขึ้นอย่างรวดเร็ว

หรือมาที่ระดับ 225 บาท บาท เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 65

และน่าจะเป็นการเข้ามาเก็บของนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างประเทศแน่นอน

เพราะหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่อย่างเอไอเอส แล้วราคาวิ่งขึ้นมารวดเร็วแบบนี้ มีเพียงนักลงทุนสองกลุ่มนี้เท่านั้นที่เข้ามาไล่ซื้อจนดันราคากลับมาแรงได้

แต่ช่วงที่ราคาลงมาจาก 225 บาท และล่าสุดมาเหลือ 214 บาท เมื่อวานนี้

น่าจะเป็นแรงขายของนักลงทุน 2 กลุ่มนี้เช่นกัน

แต่จะให้น้ำหนักไปยังนักลงทุนสถาบันหรือ “กองทุน” มากกว่า

ที่น่าจะปรับพอร์ต เพื่อดูความคืบหน้าของพรีเซนเตอร์ และแผนการตลาดของเอไอเอสอีกครั้ง

ล่าสุด บล.เมย์แบงก์ ประเมินกำไรปีนี้ของ ADVANC ว่า กำไรสุทธิหลักในปี 65 จะลดลง 6% เป็น 2.54 หมื่นล้านบาท

ทว่าตัวเลขคาดการณ์กำไรนี้

ถือว่าต่ำกว่าประมาณการของ Bloomberg ถึง 11%

Bloomberg คาดว่า เอไอเอส จะมีรายได้เติบโตในปี 2565 ที่ระดับ 4-6%

แต่เมย์แบงก์ประเมินเติบโตเพียง 1%

เมย์แบงก์ ให้เหตุผลว่า เป้าหมาย ของ ADVANC น่าจะเป็นไปได้ยาก

เหตุผล เพราะสงครามรัสเซีย-ยูเครนปะทุขึ้นนับจากปลายเดือน กุมภาพันธ์ 65 บวกกับคาดการณ์การเติบโตของ GDP ของไทยในปีนี้ได้ถูก “ปรับลง” และอัตรา “เงินเฟ้อ” เร่งตัวขึ้น

ราคาเป้าหมายที่เมย์แบงก์ให้ไว้สำหรับ ADVANC คือ 230 บาท

ส่วนประเด็นเรื่อง “ลิซ่า” นั้น

ยังไม่มีความเห็นจากนักวิเคราะห์