น้ำมันดิบปิดลบหลังดอลล์แข็งค่ารับกระแสเฟดขึ้นดบ.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปี หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่ง


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิด (6 พ.ย.) ปรับลง 91 เซนต์ หรือ 2% แตะที่ 44.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดลอนดอน ปิดลดลง 56 เซนต์ ที่ 47.42 ดอลลาร์/บาร์เรล

ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดัน เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆ หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐออกมาดีกว่าที่คาด กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 271,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557 ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 จาก 5.1% ในเดือนก.ย. ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 5.0%

ตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งได้หนุนกระแสคาดการณ์ของตลาดที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกสำหรับดอลลาร์ ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่ปรับตัวขึ้นจะทำให้สัญญาน้ำมันดิบที่มีการซื้อขายกันในสกุลเงินดอลลาร์มีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อที่ถือครองเงินสกุลเงินอื่นๆ ซึ่งทำให้สัญญาน้ำมันมีความน่าดึงดูดใจลดลง

Back to top button