EPG ตั้งเป้าปี 65/66 ยอดขายโต 15% เดินหน้าตลาดออสเตรเลีย ดันรายได้

EPG กางแผนธุรกิจปี 65/66 ตั้งเป้ายอดขายโต 12-15% เน้นการเติบโตจากธุรกิจหลักอย่างมั่นคง พร้อมลงทุนกว่า 1,800 ล้านบาท ซื้อกิจการเพิ่มเติมในออสเตรเลียสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด


ดร.ภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า แม้ว่าการแพร่ระบาดของ COVID – 19 เริ่มคลี่คลาย แต่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย – ยูเครน ส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทั้งจากราคาพลังงานและโภคภัณฑ์สูงขึ้น รวมถึงอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น

สำหรับ EPG ซึ่งทำธุรกิจในตลาดโลก จึงนับเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง ดังนั้น เพื่อสร้างให้เกิดโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง EPG มีความสามารถในการแข่งขันด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และการเป็นผู้เล่นในระดับโลก จึงนำกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ ในปีบัญชี 2565/2566 (เม.ย.2565 – มี.ค.2566)

มุ่งเน้นการดำเนินงานใน 4 ด้าน ดังนี้

1) สร้างการเติบโตแบบ Organic Growth จากธุรกิจหลักด้วยความพร้อมด้านเทคโนโลยี กำลังการผลิตทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพสูง สามารถสร้างสรรค์สินค้านวัตกรรมให้เกิดความต่อเนื่องของ New S-Curve รวมถึงการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด

2) สร้างการเติบโตแบบ Inorganic Growth ด้วยการลงทุน M&A และ Joint Venture

3) เพิ่มงบลงทุนในธุรกิจวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างกลุ่มธุรกิจใหม่ในอนาคต

4) ตั้งเป้าหมายระยะยาว ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ “net zero” ภายในปี 2585

โดยในปีบัญชีนี้ EPG ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 12 – 15% อัตรากำไรขั้นต้นที่ 29 – 32% มาจากการดำเนินงานของ 3 กลุ่มธุรกิจ ดังนี้

สำหรับธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 10 – 12% มาจากการรักษาส่วนแบ่งการตลาดสำหรับสินค้าเกรดพรีเมี่ยมทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกา และ ญี่ปุ่น พร้อมแนะนำสินค้ารุ่นใหม่ ๆ ซึ่งผ่านมาตรฐานการรับรองความปลอดภัย สำหรับการลงทุนใน Aeroflex USA Inc. สหรัฐอเมริกา เพื่อขยายกำลังการผลิตได้นำเครื่องจักรระบบอัตโนมัติความเร็วสูงมาใช้เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต ลดความเสี่ยงในการพึ่งพาแรงงาน และ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ปัจจุบัน Aeroflex USA Inc. สหรัฐอเมริกา มีกำลังการผลิตที่ 8,000 ตันต่อปี ส่งผลให้สามารถขยายตลาดไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรม Ultra Low Temperature Insulation และ ระบบ Air Ducting system

อย่างไรก็ดีการใช้พลังงานเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งกิจกรรมการใช้พลังงานก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ดังนั้น Aeroflex จึงตั้งเป้าหมายระยะยาว ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ “Net Zero” ภายในปี 2585 โดยในปีบัญชี 2565/2566 (เม.ย.2565 – มี.ค.2566) ได้จัดทำมาตรการอนุรักษ์พลังงานเชิงรุก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานขององค์กรพร้อมติด Solar Roof top มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 4 MW ขณะเดียวกันบริษัทย่อยอื่นๆ เช่น Aeroklas และ EPP ได้มีการติดตั้ง Solar Roof top เช่นกัน จึงทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 18 MW และสามารถดูดกลับก๊าซเรือนกระจก 13,500 ton Co2eq อีกทั้ง สามารถประหยัดค่าไฟฟ้ารวมประมาณ 70 ล้านบาทต่อปี

ขณะเดียวกันธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 20 – 23% โดยยังคงมุ่งมั่นทำงานร่วมกับลูกค้ากลุ่ม OEM ค่ายยานยนต์ของยุโรป เอเชีย และสหรัฐอเมริกา เพื่อพัฒนาสินค้านวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงใช้ช่องทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของ Aeroklas ประกอบด้วยลูกค้ากลุ่ม OEM ODM และ After Market ให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ Aeroklas ได้รับประโยชน์จากที่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก กำลังมุ่งไปทางยานยนต์ไฟฟ้า ผู้ผลิตยานยนต์ต้องการชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีมาตรฐานสูง ปลอดภัย และ น้ำหนักเบา

สำหรับธุรกิจในออสเตรเลียมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการยานยนต์ประเภท Light Commercial Vehicle และ SUV ในออสเตรเลีย โดยเมื่อ 1 เม.ย.2565 TJM Products Pty.Ltd. (TJM) ออสเตรเลีย เปลี่ยนชื่อเป็น Aeroklas Asia Pacific Group (AAPG) โดยมีแผนปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเสริมการทำงานร่วมกันของธุรกิจและทุกแบรนด์ในออสเตรเลียในอนาคต

ด้านธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 5 – 8% โดยยังคงให้ความสำคัญกับการนำกลยุทธ์ “Capacities Driven” มาบริหารจัดการกระบวนการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และการทำตลาดในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารประเภทกล่องใส่อาหารและถ้วยน้ำดื่มอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ EPP ผ่านการสื่อสารแบบออนไลน์ และ ออฟไลน์ รวมทั้ง สร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์นวัตกรรมได้หลากหลายชนิดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคและการใช้ชีวิตตามวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้การดำเนินงานด้านวิจัยและพัฒนาของบริษัท อีพีจี อินโนเวชัน เซ็นเตอร์ จำกัด ไม่เพียงแต่สนับสนุนธุรกิจหลักทั้ง 3 ธุรกิจ ด้วยการสร้างสินค้านวัตกรรม New S-Curve แต่ดำเนินงานวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างสินค้านวัตกรรมสำหรับกลุ่มธุรกิจใหม่ในอนาคต

อนึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2565 วันที่ 7 มิ.ย. 2565 มีมติอนุมัติให้ Aeroklas Australia Pty. Ltd. ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เข้าซื้อกิจการ 4 Way Suspension Products Pty. Ltd ในประเทศออสเตรเลีย โดยการซื้อหุ้น 100% มูลค่าไม่เกิน 75 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 1,888.3 ล้านบาท 4 Way Suspension Products Pty. Ltd ออสเตรเลีย ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ ในกลุ่มของ suspension products เช่น shock absorbers/ coil springs/ leaf springs และชุดตกแต่งสำหรับรถกระบะ ภายใต้แบรนด์ “Tough Dog” การซื้อกิจการครั้งนี้ ช่วยเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มสินค้า อีกทั้ง แบรนด์ “Tough Dog” ที่มีชื่อเสียงที่ดีในด้านคุณภาพสินค้า และช่วยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศออสเตรเลีย และต่างประเทศ รวมถึงเกิด synergy ในการลดต้นทุน และ เพิ่มรายได้กับธุรกิจในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

Back to top button