พาราสาวะถี

ความจริงแทบจะไม่ต้องมานั่งลุ้นกันเลยว่ารายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกพรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันนี้นั้นมีใครบ้าง


ความจริงแทบจะไม่ต้องมานั่งลุ้นกันเลยว่ารายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกพรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันนี้นั้นมีใครบ้าง ตัวละครตามที่ปรากฏเป็นข่าวก็คงไม่มีอะไรพลิกโผ พี่น้องแก๊ง 3 ป.โดนแน่ยกก๊วน จากที่ผ่านมามีลูกเกรงใจเนื่องจากมี ส.ส.จำนวนมากเป็นพวกถูกฝากเลี้ยง จึงเว้นวรรคไม่ซักฟอกพี่ใหญ่ของแก๊ง แต่หนนี้ถือเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้าย จึงต้องจัดหนักจัดเต็ม นอกจากจะเปิดแผลของสามพี่น้องแบบรายตัวแล้ว ยังจะมีการขยายผลความขัดแย้งของแก๊งให้กว้างขึ้นไปอีก

ส่วนบรรดารัฐมนตรีที่อยู่ในข่ายสายตรงนั่งร้านของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่ว่าจะเป็น สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีแรงงาน ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยคลัง ต่างถูกจองกฐินกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะรายหลังที่มีประเด็นเรื่องการประมูลงานโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี งานนี้ฝ่ายค้านหมายมั่นปั้นมือว่าจะมีทีเด็ดสอยรัฐมนตรีให้ร่วงจากตำแหน่งได้ ถ้าทำได้จริงมีสะเทือนกันทั้งพรรค เพราะขาอีกข้างของสันติคือแม่บ้านของพรรคแกนนำรัฐบาล

ขณะเดียวกัน สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีพลังงาน ก็คงไม่รอดเช่นเดียวกัน ยิ่งล่าสุดพรรคที่ประกาศหนุนผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออย่างพรรคกล้า มาเปิดประเด็นค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่า โดยมี ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ช่วยกระทุ้งเพิ่ม เรื่องนี้น่าจะไม่ชอบมาพากลเพราะในฐานะที่เป็นประธานอนุกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชนและกองทุน เคยเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาชี้แจงจนป่านนี้ยังไม่มีใครให้ความร่วมมือ

ถือเป็นประเด็นที่ทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจหนักใจอยู่ไม่น้อย แม้จะอธิบายได้แต่ในความเป็นจริงสิ่งที่เป็นส่วนต่าง หากมีการผูกโยงเข้าไปให้เห็นถึงการใช้เงินในส่วนของพลังงานไปเพื่อภารกิจทางด้านการเมืองของพรรคแกนนำรัฐบาลและท่านผู้นำได้ ก็จะสร้างความสั่นคลอนต่อความเชื่อถือที่มีอยู่น้อยอยู่แล้วในเวลานี้ให้กระเพื่อมหนักเข้าไปอีก ท่าทีอ้อมแอ้มตอบคำถามของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต่อเรื่องนี้น่าจะเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจน

ต้องอย่าลืมว่าประเด็นปัญหาราคาพลังงานที่เป็นอยู่ขณะนี้ ถึงจะอ้างว่าเป็นเรื่องภายนอกที่ยากต่อการควบคุม แต่ภายใต้วิกฤตที่เกิดขึ้นนั้น ยังไม่เห็นผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล และคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง แสดงออกถึงการดำเนินมาตรการที่จะลดผลกระทบต่อประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม หรือช่วยแบ่งเบาความเดือดร้อนให้กับประชาชนเฉพาะหน้าได้แต่อย่างใด นั่นย่อมเป็นจุดอ่อนทำให้ฝ่ายค้านนำไปขย้ำ การปลุกเร้า แล้วเรื่องนี้ถ้าทำได้ดี ยิ่งจะไปเพิ่มอารมณ์เดือดให้กับคนที่อยากจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลโดยเร็ว

สำหรับรัฐมนตรีพรรคร่วมทั้งประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยก็ยังคงเป็นหน้าเดิมจากการซักฟอกรอบที่แล้ว คือ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีพาณิชย์ กับ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคเก่าแก่ที่ถือว่ามีประเด็นเกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนของประชาชนโดยตรง ทั้งปัญหาข้าวของราคาแพง ต้นทุนการผลิตทางการเกษตรที่สูงขึ้น แต่ราคาสินค้าทางการเกษตรกลับไม่ขยับตามอย่างที่ควรจะเป็น

การซักฟอกในส่วนนี้ของพรรคฝ่ายค้าน ทางเพื่อไทยจะเน้นสร้างอารมณ์ร่วมและเร้าความรู้สึกของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารงานของรัฐมนตรี ขณะที่ก้าวไกลก็จะเน้นหนักข้อมูลที่จะทำการแยกแยะ ชี้ให้เห็นว่าการบริหารงานที่ผิดพลาด ปราศจากการทำการสำรวจและวิจัยถึงผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับประชาชน จึงทำให้เกิดการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ในภาวะที่คะแนนนิยมของพรรคเก่าแก่มีปัญหาอยู่แล้ว ยิ่งจะเป็นการตอกลิ่มให้คนเบื่อหน่ายหนักเข้าไปอีก

ส่วนสองรัฐมนตรีของภูมิใจไทย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รายแรกคงหนีไม่พ้นปมการแก้ปัญหาโควิด-19 ที่แม้วันนี้สถานการณ์จะดีขึ้น แต่เรื่องของการจัดซื้อวัคซีน ยา และเวชภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องพบว่ามีปัญหาอยู่ไม่น้อย ซึ่งทางพรรคฝ่ายค้านได้ข้อมูลมาจากกลุ่มแพทย์ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบหมอการเมืองทั้งหลายมากอยู่พอสมควร อยู่ที่ว่าจะมีน้ำหนักถึงขนาดที่รัฐมนตรีผู้ถูกอภิปรายจะตอบไม่ได้หรือไม่นั้น ต้องรอลุ้นกัน

ด้านศักดิ์สยามปัญหาภายในกระทรวงหูกวางส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องการประมูลงานขนาดใหญ่ และยังพบการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนในระดับพื้นที่สำหรับงานก่อสร้างขนาดกลางถึงเล็ก แต่ประเด็นนี้หน้าที่การอภิปรายหลักจะไปอยู่ที่คนของพรรคก้าวไกล เพราะเรื่องการประมูลงานและได้งานในต่างจังหวัดโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานนั้น มี ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยจำนวนไม่น้อยที่เข้าไปมีเอี่ยวประเภทขอกันกิน จึงเสี่ยงที่จะถูกสวนกลับจนเกิดภาวะน้ำท่วมปากในสภาได้

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าฝ่ายค้านจะมีข้อมูลดีขนาดไหน ถ้าไร้หมัดเด็ดประเภทโป้งเดียวจอดก็คงจะล้มผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและคณะได้ยาก จะเห็นได้ว่าบรรดาพรรคตัวแปรสำคัญทั้งหลาย โดยเฉพาะพรรคเล็กที่ออกตัวกันแรงก่อนหน้านั้น ประมาณว่าจะจับมือกับฝ่ายค้านร่วมซักฟอกและอาจทบทวนเรื่องของการยกมือ แต่หลังจากที่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2566 ผ่านวาระแรกไปแล้ว ท่าทีเหล่านั้นก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ศึกซักฟอกก็เช่นกัน ถือเป็นงานง่ายและได้เร็วกว่าการพิจารณาเรื่องอื่น ๆ นี่จึงเป็นโอกาสที่จะกอบโกยกันก่อนไปวัดดวงในการเลือกตั้งครั้งหน้า

จนถึงเวลานี้สายข่าววงในรายงานว่า ซีกของฝ่ายรัฐบาล มีการสั่งตรวจเช็คการเล็ดลอดของเอกสารทุกฉบับ ขณะที่บางรายถึงขนาดสั่งให้ลิ่วล้อไปตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ของบุคคลใกล้ชิดที่อยู่ในข่ายไม่น่าไว้วางใจเพื่อป้องกันการขายข้อมูลให้ฝ่ายตรงข้ามกันเลยทีเดียว ส่วนฝ่ายค้านหลังจากยื่นญัตติไปแล้วก็จะได้เห็นว่ามีข้อสอบรั่วหรือไม่ ก้าวไกลการันตีไม่มีเรื่องพรรคดังว่านี้แน่นอน นั่นก็หมายความว่า พรรคของนายใหญ่ต้องระวังเรื่องนี้เป็นพิเศษ แต่ฟันธงไว้ล่วงหน้ามีบรรดาเสือหิวเร่ปล่อยของกันอุตลุดเหมือนเดิม

Back to top button