คลัง เผยหนี้สาธารณะคงค้างสิ้นเดือน ก.ย. คิดเป็น 42.99% ของ GDP

คลัง เผยหนี้สาธารณะคงค้างสิ้นเดือน ก.ย. มีจำนวน 5.78 ลบ. คิดเป็น 42.99% ของ GDP


สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ 30 กันยายน 2558 มีจำนวน 5,783,323.19 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.99 ของ GDP เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 46,679.11 ล้านบาท

ทั้งนี้ สำหรับหนี้ของรัฐบาล มียอดหนี้คงค้างเพิ่มขึ้น 46,507.65 ล้านบาท ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณและการบริหารหนี้ เพิ่มขึ้น 46,137.53 ล้านบาท มีรายละเอียด ดังนี้

1. การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 15,637.53 ล้านบาท

2. การออกตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 10,115 ล้านบาท เพื่อทดแทนจำนวนตั๋วเงินคลังที่ประมูลได้ไม่ครบ

3. การเพิ่มขึ้นของตั๋วเงินคลังสุทธิ จำนวน 20,385 ล้านบาท และการปรับโครงสร้างเงินกู้ระยะสั้นไปเป็นพันธบัตร จำนวน 20,000 ล้านบาท ทำให้หนี้ระยะสั้นเพิ่มขึ้น 385 ล้านบาท

รวมทั้งการกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 13,420.34 ล้านบาท มีรายละเอียด ดังนี้

1. การกู้เงินเพื่อให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อ จำนวน 3,131.34 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น (1) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จำนวน 1,736.01 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง สายสีน้ำเงิน และสายสีเขียว (2) การรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 1,002.44 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และ 358.04 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง และ (3) กรมทางหลวง จำนวน 34.85 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2)

2.การกู้เงินบาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ จำนวน 10,289 ล้านบาท

โดยการชำระหนี้ต้นเงินกู้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จำนวน 12,399.99 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟู (FIDF 1) จำนวน 4,882.34 ล้านบาท และภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูระยะที่ 2 (FIDF 3) จำนวน 7,517.65 ล้านบาท

สำหรับหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน มียอดหนี้คงค้างเพิ่มขึ้น 13,541.02 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก ผลของอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้หนี้ต่างประเทศสกุลต่างๆ เพิ่มขึ้น 3,472.34 ล้านบาท การเบิกจ่ายเงินกู้มากกว่าการชำระคืนหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้หนี้เพิ่มขึ้น 10,068.68 ล้านบาท โดยการเพิ่มขึ้นที่สำคัญเกิดจากการเช่าซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 777-300 ER จำนวน 5,845.57 ล้านบาท และการออกหุ้นกู้ 8,000 ล้านบาท ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และการออกพันธบัตรของการไฟฟ้านครหลวง 4,000 ล้านบาท เพื่อการลงทุนตามโครงการ

สำหรับหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) มียอดหนี้คงค้างลดลง 8,879.99 ล้านบาท โดยมีรายการที่สำคัญ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรชำระหนี้เงินต้นที่กู้มาเพื่อดำเนินโครงการรับจำนำข้าว โดยใช้เงินจากการระบายข้าว จำนวน 6,774.49 ล้านบาท และชำระหนี้เงินต้นที่กู้มาเพื่อปรับโครงสร้างเงินทุนและรองรับภารกิจใหม่ จำนวน 1,000 ล้านบาท และธนาคารอาคารสงเคราะห์ไถ่ถอนพันธบัตรที่ครบกำหนด จำนวน 1,000 ล้านบาท

ขณะที่หน่วยงานของรัฐ มียอดหนี้คงค้างลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 4,489.57 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน 4,516.06 ล้านบาท

สำหรับหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 เท่ากับ 5,783,323.19 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้ในประเทศ 5,423,040.12 ล้านบาท หรือร้อยละ 93.77 และหนี้ต่างประเทศ 360,283.07 ล้านบาท (ประมาณ 10,173 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือเท่ากับร้อยละ 6.23 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และหากเปรียบเทียบกับเงินสำรองระหว่างประเทศ จำนวน 155,533.43 ล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูล ณ 30 กันยายน 2558) หนี้ต่างประเทศ จะคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 6.54 ของเงินสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพและความมั่นคงในด้านการเงินของประเทศ

โดยหนี้สาธารณะแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาว 5,576,038.80 ล้านบาท หรือร้อยละ 96.42 และมีหนี้ระยะสั้น 207,284.39 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.58 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

Back to top button