พาราสาวะถี

แม้จะปิดปากเงียบไม่พูดถึงประเด็นที่ถูกฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่สิ่งที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจย้อนสื่อกับคำถามที่ว่า เป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงไหม


แม้จะปิดปากเงียบไม่พูดถึงประเด็นที่ถูกฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่สิ่งที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจย้อนสื่อกับคำถามที่ว่า เป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงไหม “ก็คิดเอาแล้วกันว่ามันเป็นยังไง” สะท้อนถึงความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วของคนที่ไม่ชอบให้ใครมาวิพากษ์วิจารณ์ และยิ่งเป็นการกล่าวหาด้วยถ้อยคำที่ดุเดือด มิหนำซ้ำ ความเดือดร้อนของประชาชนยังหนักหน่วง และคนเริ่มเบื่อหน่าย จึงย่อมทำให้หงุดหงิดเป็นธรรมดา

ไม่ต่างกันกับ อนุทิน ชาญวีรกูล กับการยืนยันข้อกล่าวหาว่าทุจริต ไม่ได้ทำ ชี้แจงได้ ข้อกล่าวหาเรื่องทางการเมืองก็ไม่ได้ทำ สามารถชี้แจงได้อยู่แล้ว แต่ที่ต้องขีดเส้นใต้คือประเด็นการดูดตัว ส.ส.จากพรรคอื่น ที่มีการออกตัวว่า ส.ส.จะไปไหนมาไหนก็เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ไม่มีใครบังคับได้ พร้อมอ้างว่า เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา ร่าง พ.ร.บ.ฉบับหนึ่ง ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย 2 คนไม่ได้ทำตามมติพรรค แต่นั่นก็เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ชัดเจน “คุมพรรคตัวเองยังคุมได้ไม่หมดเลย นับประสาอะไรจะไปคุมพรรคอื่น”

ตรงนี้เป็นภาพสะท้อนให้เห็นความหวั่นไหว มิเช่นนั้น คงไม่เกิดคำถามที่ว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายตัวเองในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หรือหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกันแน่ ความจริงหากไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรให้อีกฝ่ายนำมาประจานได้ ก็ไม่เห็นต้องกังวล ความเป็นจริงนักการเมืองขายตัว หรือ ส.ส.เปลี่ยนพรรคด้วยผลประโยชน์ส่วนตน มันมีมาทุกยุคทุกสมัยอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ามาถึง พ.ศ.นี้แล้ว คนประเภทนี้น่าจะหมดไปได้แล้ว

ประสาไก่เห็นตีนงู ที่ปรึกษาของพรรคคนสำคัญที่เสี่ยหนูให้ความเคารพเป็นอย่างยิ่ง คอยบัญชาการเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว ความจริงความพยายามในการดูด ส.ส.ในลักษณะตกปลาในบ่อเพื่อนนั้น มีมาตั้งแต่คราวแยกตัวไปร่วมตั้งรัฐบาลในค่ายทหารแล้ว เพียงแต่ว่าหนนั้นเรื่องของกระสุน ความพร้อม และกระแสของพรรคการเมืองอย่างเพื่อไทยยังแรง ทำให้ฝ่ายที่ถูกยื่นข้อเสนอต่างพากันปฏิเสธ แต่หนนี้บริบททางการเมืองเปลี่ยนไป

ไม่ใช่เรื่องของกระแสพรรคนายใหญ่ตก หากแต่เป็นข้อเสนออันงดงามที่ความจริงก็มีการดูแลกันนับตั้งแต่ผ่านปีแรกของการกระโดดเข้าร่วมรัฐบาลสืบทอดอำนาจแรก เมื่อมีการเลี้ยงดูปูเสื่อกันเป็นอย่างดี ประกอบกับพรรคต้นสังกัดของพวกจ้องเปลี่ยนสีเสื้อนั่งอยู่ในฐานะฝ่ายค้านมานานเกินไปเกือบจะ 10 ปีแล้ว ภาวะอดอยากปากแห้งมันจึงต้องทำให้นักเลือกตั้งอาชีพที่ไม่ได้ยึดอุดมการณ์ดีเด่อะไร ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ถึงจะพ่ายแพ้แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า ถ้าเป็น ส.ส.สอบตกก็ยังอยู่กันสบายไปชั่วลูกชั่วหลาน

อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ของเศรษฐกิจที่มีปัจจัยภายนอกกดดันอย่างหนัก และส่งผลกระทบต่อประชาชนหนักหน่วงอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่อาจนิ่งเฉยได้ การเรียกประชุมทีมเศรษฐกิจเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ จึงเป็นแอ็คชั่นเพื่อที่จะคลอดมาตรการซื้อใจประชาชนอีกกระทอก แต่มีปมสำคัญที่ต้องคิดกันให้รอบคอบคือปัญหาราคาน้ำมัน เพราะจะแก้กันแบบขายผ้าเอาหน้ารอดเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้อีกแล้ว

เหมือนที่ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในสมัยรัฐบาลเผด็จการ คสช.โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวหัวข้อ “อย่าบริหารน้ำมันแบบตาสีตาสา” ด้วยการชี้ให้เห็นว่า การแก้วิกฤตนํ้ามันครั้งนี้คนที่เป็นรัฐบาลจําต้องคิดให้รอบคอบ ไม่ใช่แก้ปัญหาด้วยวิธีค่อย ๆ ปรับขึ้นราคา แล้วก็เข้าไปให้เงินอุดหนุนแก่การประกอบการภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับคนจนหรือคนชั้นกลาง เช่น ช่วยอุดหนุนวินมอเตอร์ไซค์ รถประจำทาง และการขนส่งสินค้าบางประเภท

วิธีการแก้ไขแบบนี้แท้ที่จริงแล้วเป็นการสร้างสาเหตุให้ผู้ประกอบการใช้เป็นข้ออ้างอิงในการปรับขึ้นราคาสินค้าได้มากครั้งขึ้น เช่นเดียวกับการออกข่าวของภาครัฐที่บอกว่าจะเล็งให้ปรับขึ้นราคาน้ำมันแค่นั้นแค่นี้ก็จะยิ่งเป็นข้อหนุนนําให้ผู้ประกอบการปรับราคาสินค้ากันได้บ่อยครั้งขึ้นเหมือนกัน การคิดให้รอบคอบในมุมของสมหมายก็คือ ต้องประเมินให้ได้ว่าในระยะปานกลาง 5-6 ปีต่อจากนี้ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเฉลี่ยควรอยู่ระดับใด

หากมั่นใจในราคาที่จะเป็นในระยะกลางแล้ว ก็ควรรักษาให้ราคาขายของน้ำมันในประเทศได้รับการประคับประคองด้วยกองทุนน้ำมันให้อยู่ในระดับที่สอดคล้องกันตั้งแต่ตอนนี้ อย่าไปเอาสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันมาเป็นตัวตั้ง ซึ่งก็จะมีคำถามและต้องมีคําตอบนั่นก็คือ จะหาเงินจากไหนมาใส่ในกองทุนน้ำมัน คําตอบมีทางเดียวก็คือ กองทุนต้องกู้เงินจากธนาคารในวงเงินที่น่าจะพอ เช่น 120,000 ล้านบาท ก็ไม่มากแค่ประมาณ 3.8% ของงบประมาณรายจ่ายปีนี้เท่านั้นเอง

คำถามที่น่าสนใจของอดีตขุนคลังยุครัฐบาล คสช.คือ บริษัท Top 10 ของไทยกู้ในวงเงินแค่นี้กันได้สบาย แล้วรัฐบาลจะกู้ไม่ได้หรือ ถ้าแบงก์เอกชนไม่ให้ก็กู้จากแบงก์รัฐทั้งหมดมากบ้างน้อยบ้าง เพราะเป็นการกู้มาเพื่อช่วยเหลือประชาชนทั้งประเทศในยามวิกฤต อีกไม่นานเมื่อพ้นวิกฤตก็เริ่มทยอยใช้หนี้คืนได้ ถ้าแบงก์รัฐไม่ยอมเชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ควรเปลี่ยนคณะกรรมการธนาคารทั้งชุด แต่เชื่อได้เลยว่าที่สมหมายทิ้งคำถามปิดท้ายแค่นี้พอจะทำได้ไหม คำตอบจากผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจมีแค่ 2 ข้อคือ ทำได้แต่ไม่ทำ หรือ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ไม่ใช่หลับหูหลับตาบอกให้ประชาชนเป็นปัจจัยภายนอก ควบคุมไม่ได้ น้ำมันแพงทุกคนก็ช่วยกันประหยัดหน่อย แบบนี้ถึงได้ถูกดูแคลนว่าเป็นผู้นำไร้วิสัยทัศน์ เวลานี้นักวิเคราะห์ต่างเกรงกันว่าจากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ และกลุ่มโอเปกไม่ยอมเพิ่มกำลังการผลิต เราอาจจะได้เห็นราคาน้ำมันโลกพุ่งไปสูงถึงระดับ 150 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ที่ต้องจับตามองกันเร็ว ๆ นี้ จะมีการหารือระหว่าง เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย กับ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถ้าตกลงกันไม่ได้ ราคาน้ำมันอาจจะพุ่งสูงขึ้นไปอีก นึกภาพกันต่อถ้าเช่นนั้นน้ำมันในไทยจะลิตรละกี่บาท

Back to top button