PLUS วิ่ง 4% โบรกอัพเป้า 7 บ. ชี้บาทอ่อน-ออเดอร์แน่น ดันกำไรปีนี้โต 114%
PLUS วิ่ง 4% โบรกอัพเป้า 7 บ. ชี้บาทอ่อน-ออเดอร์แน่น คาดกำไรเร่งตัวขึ้นทำนิวไฮ Q3 ดันกำไรปีนี้โต 114% แตะ 184 ลบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (17 มิ.ย.2565) ราคาหุ้น บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS ณ เวลา 11:15 น. อยู่ที่ระดับ 6.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 4.13% โดยทำจุดสูงสุดที่ 6.40 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 6.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 63.22 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (17 มิ.ย.2565) ว่า ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2565 โต 50% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สู่ระดับนิวไฮ 1.50 พันล้านบาท. ภายหลังโควิดคลี่คลายทำให้คำสั่งซื้อเร่งตัวขึ้น ขณะที่สถานการณ์เรือตู้คอนเทนเนอร์คลี่คลายดีขึ้น นอกจากช่วยให้หาสายเรือได้ง่ายขึ้นแล้ว ล่าสุดค่าระวางเรือปรับลงจากช่วงก่อนหน้าราว 4,000- 5,000 เหรียญต่อตู้ ลงมาอยู่ที่ระดับ 1 หมื่นต่อตู้ แม้ยังสูงกว่าช่วงก่อนโควิด แต่ดีขึ้นจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้รายได้ไตรมาส 1/2565 พุ่งขึ้นถึง 167.30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกาไรสุทธิไตรมาส 1/2565 ที่ 47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 213% จากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 31% ของประมาณการกำไรปี 2565 เดิมของทางฝ่ายวิจัย
โดยแนวโน้มจะดีต่อในไตรมาส 2-3/2565 ซึ่งปกติบริษัทมีการเจรจาคำสั่งซื้อล่วงหน้ากับลูกค้าต่างประเทศราว 9-12 เดือนล่วงหน้า โดยหลักเป็นการฟื้นที่ตลาดหลักอย่างสหรัฐ และตะวันออกกลาง นอกจากเติบโตในสินค้ากลุ่มหลักอย่างน้ำมะพร้าวและน้ำมะพร้าวแล้ว บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมขายสินค้าใหม่กลุ่ม Plant-Based (เช่น Cocogurt / โยเกิร์ตมะพร้าว) และชานมที่อยู่ระหว่างขยายในตลาดจีน (เป็นแบรนด์ของบริษัท) ด้วยคำสั่งซื้อที่ฟื้นตัวได้ดี ช่วยหนุนให้อัตราการใช้กำลังการผลิตขยับขึ้นเป็น 73% จาก 52.20% ในปี 2564 ดีกว่าเดิมที่ทางฝ่ายวิจัยเคยคาดไว้
สำหรับการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ (16 มิ.ย.) ผู้บริหารได้อัพเดทถึงสถานการณ์ต้นทุนวัตถุดิบ โดยรวมยังเอื้อต่อการบริหารจัดการและการแข่งขัน ทั้งนี้ราคาวัตถุดิบมะพร้าวอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อน โดยราคามะพร้าวผลแก่เฉลี่ยไตรมาส 2 จนถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 12.35 บาท/ผล ลดลง 4.50% จากไตรมาสก่อน แต่ทรงตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนราคาขายส่งเนื้อมะพร้าวเฉลี่ยอยู่ที่ 33.94 บาท/กก. ลดลง 13.70% จากไตรมาสก่อน และลดลง 5.30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ฝั่งบรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่เป็นขวดแก้ว บริษัทได้ล็อกปริมาณและราคาล่วงหน้าครอบคลุมทั้งปีแล้ว (ปกติเจรจาล่วงหน้าในช่วงปลายปี) ทำให้ภาพรวมต้นทุนวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ปีนี้ยังสามารทรงตัวถึงปรับลงได้ นอกจากนี้ยังได้อานิสงส์เชิงบวกต่อค่าเงินบาทอ่อนค่า เนื่องจากมีรายได้เป็นสกุล USD ราว 63% ของรายได้รวม จึงคาดแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นน่าจะดีต่อเนื่องจากที่ทำได้ 28.70% ในไตรมาส 1/2565 และถือเป็นอัตรากำไรที่สูงกว่าประมาณการเดิมของทางฝ่ายวิจัย
ทั้งนี้คาดกำไรไตรมาส 2/2565 จะปรับขึ้นจากไตรมาสก่อน ตามปัจจัยฤดูกาล และจะพลิกจากที่ขาดทุน 1.63 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2564 จากทั้งโควิดและปัญหาสายเรือคลี่คลาย รวมถึงค่าเงินบาทอ่อนค่า และคาดกำไรจะเร่งขึ้นทำจุดสูงสุดของปีในไตรมาส 3/2565 เพราะเป็น High Season ด้วยแนวโน้มกำไรดูดีกว่าที่เคยคาด ทางฝ่ายวิจัยจึงปรับเพิ่มกำไรสุทธิปี 2565 ขึ้น 21.90% เป็น 184 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114.30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรไตรมาส 1/2565 คิดเป็น 25% ของประมาณการทั้งปี และ ขยับ Target PE ขึ้นเป็น 25 เท่า สะท้อนการเติบโตที่แข็งแกร่ง และเป็น PE กรอบบนของค่าเฉลี่ยของกลุ่ม จึงปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 7 บาท จากเดิมราคาเป้าหมาย 5.30 บาท
ด้านบริษัท หลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (17 มิ.ย.2565) ว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการปี 2565 เนื่องจากยอดขายน้ำมะพร้าวเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และบริษัทได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า รวมถึงมีการขยายช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าให้ Walmart ในอเมริกา