UAC มั่นใจรายได้ปีนี้โตตามเป้า 1.5 พันลบ. เจรจาพันธมิตร 2-3 ราย ทำโรงไฟฟ้า

UAC มั่นใจรายได้ปี 58 เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 1.5 พันลบ. ขณะที่ในปี 59 คาดรายได้เติบโตได้ราว 15-20% เผยเจรจาพันธมิตรอีก 2-3 ราย ทำโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกร่วมกับกลุ่ม QTC


นายชัชพล ประสพโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยว่า  สำหรับผลการดำเนินงานในปี 58 นั้น บริษัทมั่นใจรายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 1.5 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.07 พันล้านบาท เนื่องจากธุรกิจเทรดดิ้งมีการเติบโตต่อเนื่องและธุรกิจที่ได้ลงทุนไป เริ่มทยอยรับรู้รายได้เข้ามาบ้างแล้ว โดยมองว่าสิ้นปี 58 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งสิ้นราว 7 เมกะวัตต์ อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมยื่นประมูลโครงการโซลาร์ฟาร์มเร็วๆนี้ คาดหวังจะได้รับอย่างน้อย 1-2 โครงการ ซึ่งก็น่าจะส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีหน้าด้วย

ขณะที่ในปี 59 บริษัทคาดรายได้จะเติบโตได้ราว 15-20% หรือแตะ 1.8 พันล้านบาท จากธุรกิจที่ลงทุนไปน่าจะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น เช่น การขยายกำลังการผลิตของโรงงานผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (PPP) ที่สุโขทัย ,การรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี จากการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ของโรงงานผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ ที่อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ กำลังการผลิต 1.5 เมกะวัตต์ เป็นต้น

ส่วนกำไรสุทธิก็น่าจะเติบโตไปตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น และบริษัทจะพยายามทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้น จากปี 57 อยู่ที่ 5% จากการรับรู้การดำเนินงานในโครงการต่างๆ หลังที่ผ่านมามีการลงทุน 100% ส่งผลต่อค่าเสื่อมที่เพิ่มขึ้น

สำหรับความคืบหน้าการร่วมมือกับบริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 50:50 นั้น อยู่ระหว่างการดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเพื่อดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทนหรือพลังงานทางเลือก ซึ่งจะเป็นลักษณะทั้งการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าที่ไม่สามารถดำเนินการได้ต่อ และลงทุนดำเนินการเอง เพื่อรองรับการเปิดประมูลรับซื้อไฟฟ้าของกระทรวงพลังงานในปี 59

อย่างไรก็ตามการร่วมลงทุนดังกล่าวยังเปิดรับพันธมิตรอื่นๆ ที่มีศักยภาพ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรอีก 2-3 ราย ซึ่งยังไม่ข้อเปิดเผยรายละเอียด แต่น่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะส่งผลต่อการขยายธุรกิจในอนาคตที่จะรวมไปถึงการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ด้วย

ทั้งนี้ ประเมินว่า กระทรวงพลังงานน่าจะเปิดประมูลรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในช่วงไตรมาส 1/59 ซึ่งเบื้องต้นเตรียมที่จะเข้ายื่นประมูลโครงการชีวมวล ประเภทไบโอแมส จำนวน 10 เมกะวัตต์ และคาดหวังจะมีขนาดกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 30 เมกะวัตต์ ภายใน 3 ปี โดยวางงบลงทุนไว้ 600-700 ล้านบาท น่าจะเริ่มลงทุนได้ในไตรมาส 2/59 และจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินงานประมาณ 2 ปีที่จะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบได้

ส่วนการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าที่มีการผลิตแล้วนั้นก็จะพิจารณาถึงความคุ้มค่าของการลงทุน หากพบว่าคุ้มค่าก็จะลงทุนทันที ทำให้สามารถรับรู้เป็นรายได้เข้ามาได้เลย

ขณะที่จากกรณีที่บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRC ได้เข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 14% ในบริษัท เหมืองแร่โปแตชอาเซียน จำกัด (มหาชน) นั้น ก็พอมีโอกาสที่บริษัทจะเข้าร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าว เพราะผู้บริหารของกลุ่ม UAC และ TRC มีความคุ้นเคยกันมานาน และเคยทำงานร่วมกัน แต่ปัจจุบันยังไม่มีการเจรจากันถึงความร่วมมือกันในอนาคตระหว่างบริษัท อย่างไรก็ตามมองว่าโครงการโปรแตช เป็นโครงการขนาดใหญ่ จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนเป็นหลักหมื่นล้านบาท ดังนั้น หาก UAC จะเข้าร่วมโครงการดังกล่าวก็คงต้องพิจารณาค่อนข้างมาก

Back to top button