“ดาวฟิวเจอร์” ดิ่ง 400 จุด ก่อนเผยถ้อยแถลง “พาวเวล”

“ดาวโจนส์ฟิวเจอร์” ร่วงลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดดิ่งลงกว่า 400 จุด ก่อนการกล่าวถ้อยแถลง “เฟด” ต่อสภาคองเกรสคืนนี้ ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยจากการที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดดิ่งลงกว่า 400 จุด ก่อนการกล่าวถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาคองเกรสในคืนนี้

ณ เวลา 19.29 น. ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 424 จุด หรือ 1.39% สู่ระดับ 30,101 จุด

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 600 จุดวานนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่นักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหุ้นที่ดิ่งลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่แล้ว

ทั้งนี้ นายพาวเวลเตรียมกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในวันนี้และพรุ่งนี้ หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 28 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยนายพาวเวลจะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้เวลา 09.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือคืนนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ก่อนที่จะกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้

ขณะที่นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวลเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยจากการที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

สำหรับในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. เฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 1.7% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.8% ในเดือนมี.ค. และคาดว่าจะขยายตัว 1.7% ในปี 2566

โดยทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/65 โดยระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.5% จากเดิมที่รายงานว่าหดตัวเพียง 1.4% ในตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.3%

ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวในไตรมาส 1/65 ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอยในช่วงต้นปี 2563 โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19  หากเศรษฐกิจสหรัฐหดตัวต่อไปในไตรมาส 2/65 ก็จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากมีการหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน

ก่อนหน้านี้ เฟดได้ยื่นรายงานนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนที่นายพาวเวลจะกล่าวถ้อยแถลงในวันนี้ โดยเฟดส่งสัญญาณว่าจะไม่ปล่อยให้สิ่งใดก็ตามมาขัดขวางความพยายามของเฟดในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ

“คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) มีความมุ่งมั่น ‘อย่างไม่มีเงื่อนไข’ ในการรักษาเสถียรภาพของราคา ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อการรักษาตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง” เฟดระบุในรายงาน

สำหรับการใช้คำว่า “อย่างไม่มีเงื่อนไข” ในรายงานดังกล่าว บ่งชี้ว่าเฟดพร้อมรับความเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่าจากการที่เงินเฟ้อไม่สามารถควบคุมได้จนทำให้เศรษฐกิจเกิดความเสียหายในระยะยาว

ทั้งนี้ FOMC มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 1.50-1.75% ในการประชุมสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 28 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2537

นอกจากนี้ ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับ 3.4% ในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1.75% ภายในปีนี้ และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.8% ในสิ้นปี 2566 และชะลอตัวสู่ระดับ 3.4% ในปี 2567 ขณะที่อัตราดอกเบี้ยระยะยาวอยู่ที่ 2.5%

อย่างไรก็ตาม การที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1.75% ภายในปีนี้ ทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ค. และ 0.50% ในเดือนก.ย. ก่อนที่จะปรับขึ้นเพียง 0.25% ในเดือนพ.ย.และธ.ค.

Back to top button