คัด 10 หุ้น “ปลอดภัย” ไตรมาส 3 รับมือเศรษฐกิจโลกถดถอย
โบรกแนะสอย 10 หุ้นช่วงไตรมาส 3 มองเป็นหุ้นค่อนข้างปลอดภัย มักทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 3/2565 ทางฝ่ายวิจัยบล.ทรีนีตี้ มองว่าจะเป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านความกลัว จากประเด็นเงินเฟ้อสูงและนโยบายการเงินที่เข้มงวด ไปสู่ความกังวลในเรื่องของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะชะลอตัวมากขึ้น ซึ่งหากมีสัญญาณบ่งชี้ที่ชัดเจนเพิ่มขึ้น คาดว่าจะเห็นระลอกของการโยกย้ายเม็ดเงินออกจากตลาดหุ้นเข้าสู่ตลาดพันธบัตร โดยเฉพาะพันธบัตรระยะยาวที่มากขึ้นได้
ทั้งนี้ด้วยเหตุดังกล่าวกลยุทธ์การจัดสรรพอร์ตการลงทุนในไตรมาส 3/2565 มองว่านักลงทุนสามารถ Overweight การลงทุนในตราสารพันบัตรระยะยาวได้ ส่วนทางด้านการลงทุนในหุ้นนั้นควรเน้นการตั้งรับและรอการเข้าซื้อในจังหวะที่เหมาะสม หรือในช่วงเวลาที่ Valuation ลงมาในระดับที่น่าจูงใจนั่นเอง
สำหรับฝ่ายวิจัยมองกรอบแนวรับแรกของดัชนี SET ที่น่าสนใจได้แก่บริเวณ 1,500-1,530 จุด ส่วนระดับแนวรับสำคัญที่ไม่น่าหลุดได้แก่บริเวณ 1,460-1,500 จุด ซึ่งถือเป็นระดับที่ทำให้ SET กลับมามีความน่าสนใจอย่างมาก ทั้งในมิติของ PBV, PE และ Earning yield gap
โดยหากดัชนีหุ้นไทยจะกลับมาไต่ระดับขึ้นได้อีกครั้ง มองว่าจะต้องอาศัยการไหลเข้าของ Fund flow อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งประเมินว่าหากจะเกิดขึ้น น่าจะเกิดขึ้นในช่วงกลาง-ปลายไตรมาส 3/2565 เป็นอย่างเร็วไปพร้อมๆกับจุดเปลี่ยน Turning point ของเงินบาท
ทั้งนี้จากทิศทางทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงมากขึ้น ทำให้ทางฝ่ายวิจัยประเมินว่าการจัดสรรการลงทุนรายกลุ่มอุตสาหกรรมในช่วงไตรมาสที่ 3/2565 สามารถหลีกเลี่ยงหรือ Underweight หุ้นในกลุ่ม Cyclical ไปก่อนได้ ทั้งในฝั่งของ Global เช่น กลุ่ม Oil & Gas, ปิโตรเคมี, อิเล็กทรอนิกส์, ชิ้นส่วนยานยนต์
รวมถึงฝั่งของไทย เช่น กลุ่ม Consumer discretionary, อสังหาริมทรัพย์, ก่อสร้าง, สื่อสาร, ไฟแนนซ์ เป็นต้น ทั้งนี้หากจะต้องเลือกลงทุนในกลุ่ม Cyclical จริง มองไปยังกลุ่ม Oil retailer ที่ค่าการตลาดเริ่มทรงตัวได้ และ Volume การขายกลับเข้าสู่ภาวะปกติ รวมไปถึง Bank ที่มีฐานลูกค้าเน้นไปทาง Corporate และยังมีสัดส่วนการตั้งสํารองในระดับสูง
ขณะเดียวกันกลุ่มที่ทางฝ่ายวิจัยมองว่าค่อนข้างปลอดภัย และมักทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว รวมถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยของไทยเป็นครั้งแรกของวัฏจักร ได้แก่ กลุ่ม Healthcare, Consumer staples, Utilities, ICT ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ มองว่านักลงทุนสามารถใช้จังหวะแนวรับที่ให้ไว้ในการทยอยเข้าลงทุนได้ ส่วนกลุ่มอื่นๆที่มองว่าน่าสนใจด้วยเช่นกันจะได้แก่กลุ่มอาหาร เนื่องจากมองเงินบาทจะยังอยู่ในโทนอ่อนค่าต่อไป อย่างน้อยก็ในช่วงครึ่งแรกของไตรมาส 3 และยังได้ประโยชน์จากราคาเนื้อสัตว์ที่สูงขึ้น ส่วนทางด้านกลุ่มบริหารหนี้ก็น่าจะได้ประโยชน์จากแนวโน้ม NPL ในประเทศที่เตรียมกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลข้างต้นกล่าวโดยสรุปหุ้น 10 ตัวที่ทางฝ่ายวิจัยแนะนําเป็น Top picks สำหรับการลงทุนในไตรมาส 3 ปี 2565 ได้แก่ ADVANC, BBL, BDMS, CPALL, CPF, GPSC, JMT, OR, RATCH และ WHAUP