SUSCO ‘กึ้ง’ พอกันที.!?
จะว่าไม่มีอะไรในกอไผ่เลย ก็ไม่น่าจะใช่...เพราะถ้า “กึ้ง”-เฉลิมชัย ขายจริง ก็ต้องมีเหตุผลสิ...ว่าป๊ะล่ะ
ร่วมหัวจมท้ายกันมา ระหว่าง “กลุ่มสิมะโรจน์” กับ “กลุ่มมหากิจศิริ” และบริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SUSCO จากรายชื่อผู้ถือหุ้นที่เคียงคู่กันมานานหลายปี…ซึ่งเห็นภาพของทั้งสองตระกูลเกี่ยวก้อยกันมาตลอด..!!
แต่น่าแปลก จู่ ๆ เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2565 ก็มีบิ๊กล็อตปริศนา จำนวน 47 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 169.20 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 3.60 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่ากระดาน เนื่องจากในวันดังกล่าว หุ้น SUSCO ปิดตลาดที่ 3.62 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 1.69% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 176.73 ล้านบาท
ซึ่งบังเอิ๊ญบังเอิญจำนวนบิ๊กล็อตดังกล่าว ไปตรงเป๊ะกับจำนวนหุ้น SUSCO ที่ “กึ้ง”-เฉลิมชัย มหากิจศิริ ถืออยู่จำนวน 47 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 4.27% พอดิบพอดีน่ะสิ..!!
ก็เลยถูกตีความกันไปว่า คนที่ขายบิ๊กล็อตครั้งนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน…ก็น่าจะเป็น “กึ้ง”-เฉลิมชัย นั่นแหละ..!?
ถ้า “กึ้ง”-เฉลิมชัย ขายบิ๊กล็อตจริง…เท่ากับเป็นการขายล้างพอร์ตเลยนะ…
เลยชวนให้คิดว่า หรือ “กลุ่มมหากิจศิริ” จะพอแล้วกับหุ้นตัวนี้…เลยโบกมือลาบ๊ายบายกันไป..!!
เพราะถ้าไปส่องดูปัจจัยพื้นฐานของ SUSCO ซึ่งทำธุรกิจปั๊มน้ำมัน โดย ณ สิ้นปี 2564 มีปั๊มให้บริการรวมทั้งสิ้น 250 สาขา และในปี 2565 ตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่อีก 15 สาขา ในแง่ของผลประกอบการช่วงที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่…แต่ก็ไม่ได้เริ่ดสะแมนแตนเหมือนกัน
โดยปี 2561 มีรายได้รวม 28,244 ล้านบาท กำไรสุทธิ 283 ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้รวม 28,144 ล้านบาท กำไรสุทธิ 388 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้รวม 16,777 ล้านบาท กำไรสุทธิ 217 ล้านบาท ปี 2564 มีรายได้รวม 20,184 ล้านบาท กำไรสุทธิ 233 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 1/2565 มีรายได้รวม 7,319 ล้านบาท กำไรสุทธิ 130 ล้านบาท
น่าเสียดายที่อัตรากำไรสุทธิบางเฉียบ…เฉลี่ยแต่ละปีแค่ 1% กว่า ๆ เท่านั้น
ที่พอเป็นหน้าเป็นตา เห็นจะเป็นอัตราเงินปันผลค่อนข้างสูง ยีลด์เฉลี่ยอยู่ที่ 5-6% ต่อปี…อ้อ มีปีที่แล้วนี่แหละที่ลดวูบเหลือแค่ 3.43% เท่านั้น
ส่วนในมุมตัวหุ้น ราคาก็ไม่ไปไหน…ย่ำอยู่ที่ 3 บาทเศษมานานแรมปีแล้ว
ดู ๆ ไปการจะหากำไรจากแคปิตอลเกนก็คงยาก ครั้นเงินปันผลที่เคยจ่ายหนัก ๆ มาตลอด ดันเริ่มหดหาย…ก็ไม่รู้จะเป็นเพราะสาเหตุนี้หรือเปล่าน้อ..? ที่เป็นแรงจูงใจให้ “กึ้ง”-เฉลิมชัย ตัดสินใจเท SUSCO…
เอ๊ะ…หรือจะมีความบาดหมางกันหรือเปล่า…? อันนี้ก็น่าคิด
จะว่าไม่มีอะไรในกอไผ่เลย ก็ไม่น่าจะใช่…เพราะถ้า “กึ้ง”-เฉลิมชัย ขายจริง ก็ต้องมีเหตุผลสิ…ว่าป๊ะล่ะ
แต่เชื่อว่า อีกไม่กี่อึดใจคงได้รู้กัน…
ก็น่าลุ้นต่อว่า อีกหนึ่ง “มหากิจศิริ” นั่นคือ “อุษณา มหากิจศิริ” ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นเบอร์ 8 จำนวน 27.80 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 2.50% จะขายด้วยหรือเปล่า..?
ถ้าขายด้วย…ก็ชัดเลยว่า ต้องมีอะไรแน่ ๆ…เชื่อขนมกินได้เลย
…อิ อิ อิ…