AOT ครบรอบ 43 ปี เพิ่มประสิทธิภาพบริการ รับเปิดประเทศ พร้อมก้าวสู่โลกดิจิทัลเต็มตัว!
AOT ครบรอบ 43 ปี เพิ่มประสิทธิภาพบริการ รับเปิดประเทศ พร้อมก้าวสู่โลกดิจิทัลเต็มตัว! วางเป้าปี 65 ผู้โดยสารแตะ 45 ล้านคน หลังสถานการณ์โควิด ทั่วโลกคลี่คลาย
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) เปิดเผยว่า AOTตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามุ่งมั่นดำเนินธุรกิจสนามบิน 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดีให้กับผู้ใช้บริการทุกคน ทั้งในสภาวะปกติและในช่วงที่เราทุกคนต้องร่วมฝ่าฟันวิกฤติโควิด-19
ซึ่งปีงบประมาณ 2565 AOT คาดว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการสนามบิน 6 แห่งรวม 45 ล้านคน ฟื้นตัว 33% และจะกลับมาฟื้นตัวเทียบเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ในปีงบประมาณ 2567 ที่จำนวน 142 ล้านคน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association : IATA) องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) และ S&P Global ได้คาดการณ์ไว้
ขณะที่ปีงบประมาณ 2566 ซึ่งเป็นปีที่ 43 ของ AOT คาดว่าจะมีผู้โดยสารรวมทั้ง 6 สนามบินของ AOT จำนวน 96 ล้านคน ฟื้นตัว 68% เมื่อเทียบกับระดับผู้โดยสารก่อนเกิดโควิด-19 และคาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ในปีงบประมาณ 2567
ดังนั้น จึงถือได้ว่าในปีที่กำลังจะมาถึงนี้เป็นปีที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ AOT ต้องเฝ้าระวังปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อการเดินทางของผู้โดยสาร เช่น นโยบายการเปิดประเทศของจีน โอกาสการกลับมาระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ หรือโรคระบาดอื่นๆ เป็นต้น โดยนโยบายการเปิดประเทศจีนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
หากมีการเปิดประเทศในเดือนตุลาคม 2565 AOT จะได้ประโยชน์จากช่วงวันหยุดยาวประจำชาติจีน (Golden Week) หรือหากเปิดประเทศในเดือนมกราคม 2566 ก็จะเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่หากพ้นจากช่วงนี้ไปแล้ว AOT ก็จะเสียโอกาสช่วงดังกล่าวไป ดังนั้น จึงถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันของทุกฝ่าย เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้ด้วยกัน
นายนิตินัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงก่อนเกิดโควิด-19 AOT สามารถรองรับผู้โดยสารได้กว่า 141.87 ล้านคน ดังนั้น ไม่ว่าปริมาณผู้โดยสารจะฟื้นตัวกลับมาในปีไหน AOT ก็ยังคงพร้อมให้บริการอยู่เสมอ เนื่องจากที่ผ่านมา เราไม่เคยลดคุณภาพการให้บริการ ไม่เคยลดจำนวนพนักงาน อีกทั้งยังคงมีการฝึกอบรมบุคลากร รวมถึงการต่อใบอนุญาตตามมาตรฐานของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมความพร้อมของอาคารสถานที่มาโดยตลอด ซึ่งในปีที่ 43 AOT ยังเดินหน้าพัฒนาการให้บริการในทุกด้านให้มีประสิทธิภาพและดียิ่งขึ้น เช่น ทสภ.อยู่ระหว่างทดสอบระบบต่างๆ ของอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1 : SAT-1) เพื่อเตรียมเปิดให้บริการแก่ผู้โดยสาร ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถของ ทสภ.ในการรองรับปริมาณผู้โดยสารจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี และอยู่ระหว่างก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 ซึ่งมีความก้าวหน้า 35.68% คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2566 เพื่อรองรับเที่ยวบินได้เพิ่มขึ้นเป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง และรองรับเที่ยวบินในช่วงที่มีการปิดซ่อมทางวิ่งเส้นที่ 1 และเส้นที่ 2
ส่วนที่ ทดม.จะเริ่มเปิดใช้งาน Taxi Drop Lane ในเดือนกรกฎาคม 2565 ซึ่งจะเพิ่มช่องจราจรแยกเฉพาะรถแท็กซี่ จำนวน 2 เลน เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดหน้าอาคารผู้โดยสาร และ ทชร.อยู่ระหว่างก่อสร้างระบบทางขับขนานด้านทิศเหนือ และปรับปรุงทางขับท้ายหลุมจอด พร้อมทางขับ A และ B โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน (Maintenance, Repair and Overhaul : MRO) และปรับปรุงพื้นที่หัวทางวิ่งด้าน 03 และ 21 เป็นต้น นอกจากการพัฒนาสนามบินที่ได้ดำเนินการตามแผนแม่บทแล้ว AOT พร้อมก้าวเข้าสู่การบริหารยุคนวัตกรรมที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการบริการและการดำเนินการ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและข้อมูลมากมายที่กระจายอยู่ทั่วองค์กรมาทำการศึกษาข้อมูล นำไปวิเคราะห์โดยคำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคล ทำความเข้าใจให้ทุกส่วนเชื่อมโยงกัน เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่การบริหารจัดการและให้บริการในโลกดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบภายใต้โครงการ AOT Digital Platform ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการด้วยความสะดวกสบาย ปลอดภัย และรวดเร็ว ทั้งด้านการเดินทางและการรับ-ส่งสินค้าทางอากาศ
นายนิตินัย กล่าวในตอนท้ายว่า จากการที่รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าราชอาณาจักร จึงคาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางมายังประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น AOT มีความมั่นใจว่าจะสามารถให้บริการและอำนวยความสะดวกผู้โดยสารด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้บริการ ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นของ AOT ในการดำเนินธุรกิจด้วยมาตรฐานเหนือระดับ สร้างมูลค่าเพิ่มและสำนึกในความรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนบริหารงานภายใต้หลักธรรมาภิบาลเพื่อการเติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืนต่อไป